

- ปุ๋ยยูเรียทะยานตันละ 880 เหรียญฯ สูงสุดในรอบ 34 ปี
- รัสเซีย-เบลารุส ผู้ผลิตและส่งออกรายใหญ่ถูกคว่ำบาตร
- ทำความมั่นคงทางอาหารเลวร้ายสุด นับจากสงครามโลกครั้งที่ 2
สำนักข่าวอาร์ทีของรัสเซียรายงานว่า การคว่ำบาตรรัสเซียและเบลารุส ส่งผลให้ราคาปุ๋ยเคมีทั่วโลกทะยานขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เหตุ 2 ประเทศเป็นแหล่งผลิตโปแตชแหล่งใหญ่ และยังเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ของโลก ทำความมั่นคงทางอาหารเลวร้ายสุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2
สัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีราคาปุ๋ยจาก Green Markets North America Fertilizer Price Index ปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบ10% จากสัปดาห์ก่อนหน้า สูงสุดเป็นประวัติการณ์ หรือเพิ่มขึ้นถึง 40% จากเดือนก.พ.65 ก่อนที่รัสเซียจะใช้ปฏิบัติการทางพิเศษบุกถล่มยูเครน เพราะรัสเซีย และเบลารุส เป็นผู้ผลิตและส่งออกแม่ปุ๋ยรายใหญ่ของโลก รวมถึงโปแตช
นอกจากนี้ CRU บริษัทที่ปรึกษาด้านสินค้าโภคภัณฑ์ของอังกฤษ ระบุว่า ราคาแม่ปุ๋ยสำคัญ เช่น แอมโมเนียไนโตรเจน โปแตช ยูเรีย ฟอสเฟต ซัลเฟต และไนเตรท เพิ่มขึ้นถึง 30% จากช่วงต้นปีนี้ สูงสุดนับจากช่วงวิกฤติการเงินในปี 51 โดยล่าสุด ยูเรีย อยู่ที่ตันละ 880 เหรียญสหรัฐฯ สูงสุดในรอบ 34 ปี เพิ่มขึ้นถึง 60% จากตันละ 182 เหรียญฯในปี 64 หลังทั้ง 2 ประเทศถูกนานาชาติใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ
สำหรับราคาปุ๋ยที่ปรับตัวสูงขึ้น เป็นไปตามราคาก๊าซธรรมชาติ ที่เพิ่มขึ้น เพราะปุ๋ยเป็นผลพลอยได้จากการผลิตก๊าซธรรมชาติ ประกอบกับจีนห้ามส่งออกปุ๋ย โดยเฉพาะไนโตรเจน และฟอสเฟต เพื่อลดการนำเข้าและสกัดไม่ให้ราคาอาหารในประเทศเพิ่มขึ้น โดยจะสิ้นสุดมาตรการเดือนมิ.ย.นี้ รวมถึงการประท้วงของคนงานรถไฟแคนาดา ที่กระทบต่อการขนส่งปุ๋ยของแคนาดา จะยิ่งกดดันให้ราคาปุ๋ยในตลาดโลกทะยานขึ้นไปอีก เพราะแคนาดาเป็นผู้ผลิตปุ๋ยใหญ่ที่สุดของโลก
ทั้งนี้ องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ เตือนว่า “ความไม่มั่นคงด้านอาหารอย่างเฉียบพลัน” กำลังเกิดขึ้นในหลายสิบประเทศทั่วโลก รวมถึงละตินอเมริกา แอฟริกากลาง ตะวันออกกลาง และเอเชียกลาง
ด้านเดวิด เอ็ม.บีสลีย์ ผู้อำนวยการโครงการอาการโลกแห่งสหประชาชาติ ระบุว่า การสู้รบระหว่างรัสเซียและยูเครนในขณะนี้ ยกระดับความไม่มั่นคงทางอาหารให้เลวร้ายที่สุดอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2