

- “ศักดิ์สยาม”เคาะเปิดเจรจารถไฟไทย-จีน ครั้งที่28
- ตกลงซื้อรถไฟฟ้าไฮสปีดสัญญา2.3 วงเงิน 5.06 หมื่นล้าน
- คาดเสนอครม.ลงนามในต.ค.นี้ยันไทยไม่เสียเปรียบชำระสกุลดอลล่าร์ 80%
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ได้ประชุมคณะกรรมการบริหารการพัฒนาโครงการความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน ครั้งที่1/2563 ซึ่งได้ติดตามความก้าวหน้า โครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลราชอาณาจักรไทย และรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูง เพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพ-หนองคาย ระยะที่1 ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ระยะทาง 253 กม. วงเงิน 179,413 ล้านบาท ในส่วนของสัญญาจ้างงาน ระบบราง ระบบไฟฟ้า และเครื่องกล รวมทั้งจัดหาขบวนรถไฟและจัดอบรมบุคลากร (สัญญา2.3) วงเงิน 50,633.50 ล้านบาท ซึ่งได้ประสานกับทางจีนเพื่อจัดประชุม คณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน (Joint Committee หรือ JC) ครั้งที่ 28 ในวันที่ 25 พ.ค.63
ทั้งนี้ในส่วนของการกำหนดไทม์ไลน์ในเดือนมิ.ย. นั้น จะมีการรายงานผลการดำเนินงานกต่อนายกรัฐมนตรี ช่วงกลางเดือนมิ.ย.โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) ส่งร่างสัญญา ต่อกระทรวงคมนาคมเพื่อส่งต่ออัยการสูงสุดตรวจร่างสัญญา คาดว่าจะสรุปร่างสัญญาเสนอต่อคณะรัฐมนตรี(ครม.) พิจารณาอนุมัติกรอบวงเงินและเงื่อนไข ภายในเดือนส.ค.และคาดว่าจะสรุปรายละเอียดสามารถลงนามในสัญญาได้ในเดือนต.ค. 63
นอกจากนั้นจะเห็นได้ว่าจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด – 19 ตั้งแต่ต้นปี63 ทำให้ไม่สามารถจัดประชุมคณะกรรมการร่วม ไทย-จีน ได้ ซึ่งล่าสุดจากการปะสานกับจีน ตกลงจัดการประชุม VDO Conference โดยจะมีการประชุมเพื่อตกลงในเงื่อนไขสัญญา 2.3 ในเรื่องสกุลเงิน ซึ่งมีวงเงิน 50,633.50 ล้านบาท โดยชำระเป็นเงินสกุลดอลล่าร์ 80% จำนวน1,313,895,273 ดอลล่าร์ (40,506.8 ล้านบาท) เป็นสกุลบาท20% หรือ 10,126.5 ล้านบาท
นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า กระทรวงคมนาคมได้มีการเจรจาต่อรองกับจีนที่จะขอคงสัดส่วน ไว้ แม้อัตราแลกเปลี่ยนเนื่องจากค่าเงินบาทขณะนี้อ่อนตัว ลงจากช่วงก่อนหน้าที่จะเกิดสถานการณ์โควิด-19 คือจาก อัตรา30.82 บาทต่อดอลล่าร์ เป็น 32 บาทต่อดอลล่าร์ โดยเชื่อว่า หลังสถานการณ์โควิด-19ยุติ เศรษฐกิจของประเทศไทยจะพลิกฟื้นกลับมาและค่าเงินบาทจะแข็งค่าเหมือนเดิม ซึ่งจะส่งผลให้วงเงินสัญญา2.3 จะอยู่ในกรอบงบประมาณ เนื่องจากรัฐบาลพยายามควบคุมการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 อยู่ในระดับที่ดี
“การเจรจาเงื่อนไขในโครงการรถไฟไทย-จีน ไทยไม่เสียเปรียบและไม่ได้เอาเปรียบจีน เป็นความร่วมมือเพื่อพัฒนาระบบรางซึ่งมีต้นทุนด้านโลจิสติกส์ต่ำ โดยเส้นทางที่เชื่อมจากหนองคาย-โคราช-กรุงเทพ เป็นรถไฟสายหลักที่จะทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านระบบรางของอาเซียน”
สำหรับการก่อสร้างงานโยธา 14 สัญญา วงเงิน 100,241.62 ล้านบาท อยู่ระหว่างเร่งรัด โดยลงนามสัญญาแล้ว 2 สัญญา ที่เหลือ อยู่ระหว่าง การพิจารณารายงาน EIA โดยคณะกรรมการ EIA จะประชุมในวันที่ 29 พ.ค. นี้ จากนั้นจะเร่งดำเนินการก่อสร้างได้ตามกรอบ โดยจะใช้เวลาก่อสร้างทั้งสิ้น 64 เดือน หรือประมาณ 5ปีเศษ โดยสัญญา 1-1 ช่วงกลางดง-ปางอโศก ระยะทาง 3.5 กม. วงเงิน 362.52 ล้านบาท คืบหน้า 82.81% ล่าช้ากว่าแผน 4.19%
สัญญา2-1 ช่วงสีคิ้ว – กุดจิก ระยะทาง 11 กม. วงเงิน 3,114.98 ล้านบาท คืบหน้า 23.29% ล่าช้ากว่าแผน 12.54% จากปัญหาการเข้าพื้นที่ล่าช้า และโควิด-19
สัญญา 3-1 ช่วงแก่งคอย-กลางดง และ ช่วงปางอโศก-บันไดม้า ระยะทาง 30.21 กม. วงเงิน 9,330 ล้านบาท
สัญญา 3-2 งานอุโมงค์มวกเหล็ก และลำตะคอง. ระยะทาง12.23 กม. วงเงิน 4,279.33 ล้านบาท บอร์ดรฟท. อนุมัติผลประมูล วันที่ 1 เม.ย.2563 รอลงนามสัญญา
สัญญา 3-3 ช่วงบันไดม้า-ลำตะคอง ระยะทาง 21.60 กม. วงเงิน 9,838 ล้านบาท บอร์ดรฟท. อนุมัติผลประมูล วันที่ 16 เม.ย.2563 รอลงนามสัญญา
สัญญา 3-4 ช่วงลำตะคอง-สีคิ้ว และช่วงกุดจิก-โคกกรวด ระยะทาง37.45 กม. วงเงิน 9,848 ล้านบาท
สัญญา 3-5 ช่วงโคกกรวด-นครราชสีมา ระยะทาง 12.38 กม. วงเงิน 7,750 ล้านบาท
สัญญา 4-1 ช่วงบางซื่อ-ดอนเมือง ระยะทาง 15.21 กม. เนื่องจากแนวเส้นทางทับซ้อนกับโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม3 สนามบิน ซึ่งรอเสนอรายงานEIA
สัญญา4–2 ช่วงดอนเมือง-นวนคร ระยะทาง21.80 กม.วงเงิน 8,626.80 ล้านบาท รอลงนามสัญญา
สัญญา4-3 ช่วงนวนคร-บ้านโพ ระยะทาง 23 กม.วงเงิน 11,525.36 ล้านบาท รอลงนามสัญญา
สัญญา 4-4 ศูนย์ซ่อมบำรุงเชียงรากน้อย วงเงิน 7,664.63 ล้านบาท อยู่ระหว่างประกวดราคา
สัญญา 4-5 ช่วบ้านโพ-พระแก้ว ระยะทาง 13.30 กม. วงเงิน 9,913 ล้านบาท บอร์ดรฟท.อนุมัติผลประมูล เมื่อวันที่ 16 เม.ย. 2563
สัญญา4-6 ช่วงพระแก้ว-สระบุรี ระยะทาง 31.60 กม. วงเงิน 9,429 ลานบาท รอลงนามสัญญา
สัญญษ 4-7 ช่วงสระบุรี-แก่งคอย ระยะทาง 12.99 กม. วงเงิน8,560 ล้านบาท รอลงนามสัญญา