

- ริชมอนด์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป เปิดพอร์ต 6 โรงแรม เพิ่มตลาดในและประเทศ
- เดินสายโร้ดโชว์จีน/อินเดีย ปั้นแกรนด์ริชมอนด์ ดันนนทบุรีสู่เมืองท่องเที่ยว
- วอนรัฐบาลใหม่ช่วยเอกชนปลดล็อกต้นทุนแรงงาน และค่าจ้างอย่างเป็นธรรม
นายณัฐกร ชุณหชา ผู้ช่วยประธานบริหารงานทั่วไป ริชมอนด์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป เปิดเผยว่า แผนพัฒนาธุรกิจโรงแรมในเครือของริชมอนด์ทั้งหมด 6 แห่ง คือ 1.แกรนด์ ริชมอนด์ สไตล์ลิส คอนเว็นชั่น โฮเทล 2.โรงแรมทูทรี กรุงเทพฯ3.โรงแรมแทงโก้ 4.โรงแรมชอร์เชอร์ 5.เดอะ Pela รีสอร์ต ภูเก็ต 6.เดอะ สปา รีสอร์ต สมุย ซึ่งมีรูปแบบและกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย และมีรูปแบบการลงทุนในพอร์ตห้องพักแตกต่างกัน สามารถสนองความต้องการลูกค้าได้อย่างหลากหลายครอบคลุมทุกตลาด โดยเฉพาะโรงแรมแฟลกชิพคือ “แกรนด์ ริชมอนด์” นนทบุรี ซึ่งมีจุดแข็งเป็นโรงแรมคอนเวนชั่นทางด้านไมซ์ เพิ่งปรับปรุงเมื่อปี 2563 ก่อนเกิดโควิด-19 ขณะนี้พร้อมแล้วที่จะเปิดตลาดไมซ์
ตามแผนธุรกิจของโรงแรมตั้งแต่ปี 2566 เตรียมเดินหน้าส่งเสริมตลาดการขาย 3 กลยุทธ์ ประกอบด้วย กลยุทธ์ที่ 1 หาตลาดใหม่ ๆ ที่ผ่านมาพึงตลาดนักท่องเที่ยวจีน (leisure) หลังปรับปรุงเสร็จเรียบร้อยแล้วจะพลิกโฉมเป็นสู่ 2 ตลาดใหม่ ได้แก่

“ตลาดแรก” โรงแรมไมซ์ เตรียมร่วมเดินทางไปโร้ดโชว์กับทางสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ(องค์การมหาชน) “TCEB” 2 งาน คือ งานแรก โร้ดโขว์ 2 เมืองใหญ่ ในกรุงเดลีกับมุมไบ อินเดีย ระหว่าง 18-20 กรกฎาคม 2566 งานที่สอง จะโร้ดโชว์ 2 มณฑล ปักกิ่ง กับ กวางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่าง 8-10 สิงหาคม 2566
“ตลาดที่สอง” คู่แต่งงาน/Wedding อินเดีย เพราะเป็นประเทศที่มีประชากรสูงมากที่สุดในโลก ผนวกกับเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศเติบโตค่อนข้างสูง ทางโรงแรมเตรียมเข้าร่วมงาน Indian Wedding Symposium กับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จะจัดวันที่ 21-22 มิถุนายน นี้ ที่จังหวัดกระบี่
กลยุทธ์ที่ 2 เพิ่มพันธมิตรกลุ่มคู่ค้าใหม่ ๆ และช่องทางการขาย โดยจับมือกับองค์กรเอกชนอื่น ๆ เช่น เป็นพันธมิตรกับแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ เพราะอี-คอมเมอร์ซเป็นช่องทางการขายสำคัญ เสนออยู่ในแพลตฟอร์ม SCG ID มี True กับ DTAC และ Serenade รวมถึง Line Shopping นำสินค้าของโรงแรมเข้าไปขายซึ่งจะช่วยทำให้ตลาดเติบโตได้มากขึ้น

กลยุทธ์ที่ 3 สร้างจุดขายให้โรงแรมเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวและที่พัก Hotel Destination ด้วยทำเลที่ตั้งของโรงแรมแกรนด์ ริชมอนด์ อยู่ในเขตจังหวัดนนทบุรีใกล้กรุงเทพฯ ออกมานอกเมือง พาวิธีดึงดูดให้คนต้องการเดินทางมาเที่ยวนนทบุรี เพื่อกระจายรายได้สู่ชุมชน เมื่อเดือนพฤษภาคม 2566 ได้จัดแฟมทริปนำเอเย่นต์ท่องเที่ยวเดินทางไปตามสถานที่ท่องเที่ยวนนทบุรี ล่องเรือเกาะเกร็ด ชมตลาดนกฮูก เพราะนอกจากมาพักโรงแรมแล้วยังสามารถเดินทางไปพักผ่อนได้ด้วย
อนาคตมีแผนเปิดตลาดขายสินค้าชุมชนในพื้นที่ของโรงแรมแกรนด์ ริชมอนด์ ด้วย ควบคู่กับการเปิดเวิร์คช็อป เพื่อให้เด็ก เยาวชน และครอบครัว สามารถมาทำกิจกรรมเครื่องปั้นดินเผาซึ่งเป็นอัตลักษณ์ของจังหวัดนนทบุรี
ส่วนโครงสร้างตลาดปัจจุบัน แกรนด์ ริชมอนด์ มีผู้ใช้บริการ คนไทย 50 % และต่างชาติ 50 % โดดเด่นเป็นโรงแรมจัดประชุมสัมมนาหน่วยงานราชการ เช่น กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงพาณิชย์ นิยมมาจัดงาน ส่วนตลาดต่างประเทศ จะเป็นงานไมซ์ จากสาธารณรัฐประชาชนจีน กับอินเดียว
ปี 2566 วางแผนเจาะ “ตลาดในประเทศ” พุ่งเป้าไปยังลูกค้า “คอร์ปอเรต” ซึ่งอยู่ในพื้นที่รัศมีไม่ไกลนนทบุรี “ตลาดต่างประเทศ” มุ่งขยายฐาน อินเดีย กับสาธารณรัฐประชาชนจีน และอยู่ในขั้นเริ่มเจาะตลาดยุโรปเพิ่มมากขึ้นหลังจากเข้าไปร่วมเทรดโชว์ TTM +2023 :Thailand Travel Mart Plus เพื่อสร้างการรับรู้กับตัวแทนผู้ขายเพื่อให้ได้ลูกค้าใหม่ด้วย โดยเน้นเจาะอาเซียนเพิ่มด้วย เช่น มาเลเซีย เวียดนาม อินโดนีเซีย ไต้หวัน

โครงสร้างบริการ “ราคาห้องพัก” และ “ตลาดไมซ์” ตั้งไว้ในระดับ 5 ดาว สามารถเข้าถึงได้ แกรนด์ ริชมอนด์ประมาณ 1,800-2,600 บาท/ห้อง/คืน พร้อมทั้งมีแพกเกจจัดงานประชุม สัมมนา เริ่มตั้งแต่ 950 บาทขึ้นไป/คน
นายณัฐกรกล่าวว่า โรงแรมมีจุดขายการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนในโรงแรมสีเขียว ซึ่งทางแกรนด์ ริชมอนด์ ได้รับการการันตีทางด้านคุณภาพมาตรฐานกว่า 10 รางวัล ระดับประเทศ เช่น 1.รางวัล Green Hotels โรงแรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ระดับดีเยี่ยม) ระหว่างปี 2561-2566 จากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 2.รางวัล Thailand MICE Venue Standard ปี 2560-2566 และ 3.รางวัล Thailand Sustainable Event Management Standard ปี 2562-2566 จาก TCEB 4.รางวัล Amazing Thailand Safety & Health Administration (SHA+) 2563-2566 จาก ททท. 5.รางวัล ISO 50001 – Energy Management System Certification 2548-2566 และ 6.รางวัล Thailand Energy Awards 2015 / 2016 / 2017 รางวัลดีเด่นด้านอนุรักษ์พลังงาน จากกระทรวงพลังงาน
รางวัลระดับนานาชาติ เช่น 1.รางวัล ASEAN Energy Award 2016 จาก Association of Southeast Asian Nations – สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 2. รางวัล ASEAN MICE Venue Standards 2023 จาก ASEAN 3.รางวัล Global Healthcare Accreditation Awards – Wellhotel Accreditation for Medical Travel & Wellhotel Accreditation for Wellbeing (2022)
ทางโรงแรมได้เสนอให้นักท่องเที่ยวและลูกค้าทำกิจกรรมการมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมของโรงแรมด้วยเช่น การแยกขยะภายในที่พัก ลดการใช้และการซักเพื่อลดทรัพยากรธรรมชาติ เรื่อยไปจนถึงการศึกษาเพิ่มเติมเรื่องการลดการปล่อยและชดเชยคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Net Zero /Carbon offset) เบื้องต้นริเริ่มนำขยะมาแปลงเป็นผลิตภัณฑ์ปลูกผักสวนครัว ซึ่งนำมาใช้เป็นวัตถุดิบอาหารในโรงแรมได้
นายณัฐกร กล่าวว่าเมื่อประเมินสถานการณ์ฟื้นตัวของโรงแรมตอนนี้เริ่มกลับมาประมาณ 60% แนวโน้มจะสามารถกลับได้มาภายในไตรมาส 4 ปี 2566 เป็นต้นไป เมื่อต้องรอนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาไทยได้ตามเปกติ ทางโรงแรมมีห้องพักมากถึง 774 ห้อง อาจจะส่วนแบ่งนักท่องเที่ยวจีนประมาณ 40% เมื่อมีนักท่องเที่ยวต่างชาติจากจีนเข้ามาพักส่งผลดีต่อร้านค้าย่อยรอบโรงแรม ที่มีกำลังซื้อค่อนข้างดี
ส่วนอินเดียเพิ่งจะเปิดตลาดได้กลุ่มนักเดินทางเพื่อเป็นรางวัล (incentive group) เข้ามาพัก 6,000 คน ระยะเริ่มแรกจะทำได้ประมาณ 5-10%
ส่วนโรงแรมแกรนด์ ริชมอนด์ ตอนนี้มี 2 โปรโมชั่น ได้แก่ โปรโมชั่นที่ 1 “บุฟเฟต์อาหารทะเล” ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ในห้องอาหารที่เพิ่งเริ่มเปิดบริการ ราคาคนละ 999 บาทสุทธิ ตั้งแต่วันนี้-ตุลาคม 2566 โปรโมชั่นที่ 2 บริการสปา และฟิตเนส พร้อมสตรีมรูม เปิดให้ลูกค้าภายใน รวมทั้งลูกค้าภายนอกโรงแรมเข้ามาใช้บริการได้ในราคาสมาชิกปีละ25,000 บาท ค่อนข้างจะคุ้มเฉลี่ยเดือนละประมาณ 2,000 บาท รวมค่าสมาชิก ห้องพัก และอาหาร
ขณะเดียวกันก็วางแผนจะเชิญชวนให้ชุมชนรอบข้างโรงแรมนำสินค้าอัตลักษณ์เด่น ๆ ของจังหวัดนนทบุรี มาขายในพื้นที่สวนด้านหลังของโรงแรมสามารถทำเป็น “ตลาดนัดเช้า” จะเปิดได้ประมาณไตรมาส 3 ปีนี้

นายณัฐกร ย้ำว่า เอกชนต้องการจะฝากถึงรัฐบาลใหม่เมื่อเข้ามาบริหารประเทศแล้ว ทางโรงแรมแกรนด์ ริชมอนด์ ในฐานะผู้พัฒนาธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยวจึงต้องการเสนอภาครัฐสนับสนุนเอกชน 2 เรื่องที่จะมีผลกระทบอย่างรุนแรงกับผู้ประอบการ คือ
เรื่องที่ 1 การนำแรงงานกลับเข้าสู่ภาคบริการซึ่งกำลังขาดแคลนแรงงานอย่างหนัก เนื่องจากช่วงเกิดสถานการณ์โควิด-19 คนออกจากระบบไปแล้วยังไม่กลับเข้ามา เมื่อธุรกิจท่องเที่ยวกลับมาแล้วแต่แรงงานยังไม่กลับมาจึงส่งผลทำให้ “โรงแรมขาดแคลนบุคลากรจำนวนมาก และทำให้ต้องปรับขึ้นค่าแรง ต่อเนื่องไปถึง “ต้นทุนจ้างงาน” สูงขึ้นถึงกว่า 20 % ท่ามกลางการฟื้นตัว
เรื่องที่ 2 นโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ เพราะตอนนี้โรงแรมมีลูกจ้างรายวันต้องรับภาระจ่ายค่าแรงขั้นต่ำ หากรัฐบาลใหม่ประกาศปรับอัตราขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำอีกครั้ง จะยิ่งซ้ำเติมผู้ประกอบการที่ทั้งยังขาดแคลนแรงงานและธุรกิจเพิ่งจะฟื้นตัวได้ไม่นานจึงต้องขอให้ช่วยดูแลเพื่อให้เอกชนเดินหน้าพัฒนาอุตสาหกรรมให้กลับมาแข็งแรงอย่างยั่งยืนได้ต่อไป
เรื่องโดย…#เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน #gurutourza, www.facebook.com/penroongyaisamsaen