“ราเมศ” ย้ำชัดประชาชนยังสื่อสารข่าวสารได้ปกติ ให้ยึดหลักสุจริต ไม่บิดเบือน



  • เผยในข้อกำหนด ไม่มีข้อความใดห้ามโพสต์สร้างความหวาดกลัว แม้เป็นความจริง
  • ขอให้ทุกคนยึดหลักสุจริต สื่อสารด้วยความจริง จะเป็นเกราะคุ้มกันดีที่สุด
  • ลั่นหากทำตามนี้แล้วถูกเจ้าหน้าที่ดำเนินคดี ให้แจ้งมา ตนจะว่าความทำคดีให้

วันนี้ (14 ก.ค.64) นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงข้อห้ามที่กำหนดไว้ในประกาศข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนด การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่27) ในเรื่อง มาตรการเพื่อมิให้มีการบิดเบือนข้อมูลข่าวสารว่า หลักการสำคัญของเรื่องนี้ คือการออกข้อกำหนดมามีเจตนารมณ์เพื่อป้องกันไม่ให้มีการบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร ข้อกำหนดในข้อ 11 จึงระบุข้อความมีสาระสำคัญคือ”มาตรการเพื่อมิให้มีการบิดเบือนข้อมูลข่าวสารอันทำให้เกิดความเข้าใจผิด ในสถานการณ์ฉุกเฉิน การข่าวหรือการทำให้แพร่หลายซึ่งหนังสือ สิ่งพิมพ์ หรือสื่ออื่นใด ที่มีข้อความอันอาจทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว หรือเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสถานการณ์ฉุกเฉินจนกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ทั่วราชอาณาจักรนั้น เป็นความผิดตามมาตรา 9 (3) แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548″

ทั้งนี้จากข้อความดังกล่าว มีความชัดแจ้งอยู่ในตัวคือ มาตรการเพื่อมิให้มีการบิดเบือนข้อมูลข่าวสารอันทำให้เกิดความเข้าใจผิด ในสถานการณ์ฉุกเฉิน หากมีการบิดเบือนด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จก็มีความผิด การนำข่าวสารที่ถูกต้องแน่ไปทำการบิดเบือนก็มีความผิด เช่นรัฐบาลประกาศตัวเลขผู้ติดเชื้อ จำนวนหนึ่ง แต่ไปบิดเบือนขยายต่อว่าผู้ติดเชื้อมีจำนวนมาก เสียชีวิตมากกว่าที่รายงาน กล่าวหาว่ารัฐบาลปกปิดจำนวนที่แท้จริง อันนี้ชัดเจนผิดแน่นอน ภาพข่าวมีคนเดินๆ อยู่แล้วเป็นลมล้มเสียชีวิต แต่มาบิดเบือนว่าเกิดจากเพราะการฉีดวัคซีน อันนี้ก็ผิดอยู่แล้ว ไม่มีข้อกำหนดนี้ก็อาจจะผิดตามกฎหมายอื่น

นายราเมศ กล่าวต่อว่า ไม่อยากให้ประชาชนวิตกกังวลจนเกินไป ไม่มีข้อความใดในข้อกำหนดว่า ห้ามโพสต์สร้างความหวาดกลัว แม้เป็นความจริง ขอให้ทุกคนยึดหลักสุจริต สื่อสารด้วยความจริง ไม่บิดเบือน จะเป็นเกราะคุ้มกันได้ดีที่สุด คนที่ออกมาบิดเบือนข้อกำหนดนี้ที่พยายามบิดเบือนทำให้สังคมหวาดกลัวโดยบอกว่า ห้ามโพสต์สร้างความหวาดกลัว แม้เป็นความจริง น่าจะเป็นคนนำร่องผิดข้อกำหนดนี้เป็นคนแรก เพราะบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร นำไปสู่การทำให้เกิดความเข้าใจผิด ในสถานการณ์ฉุกเฉิน ทำให้แพร่หลายซึ่งหนังสือ สิ่งพิมพ์ หรือสื่ออื่นใด ข้อเท็จจริงยุติว่าข้อความดังกล่าวทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารทำให้เกิด ความเข้าใจผิด ก็ต้องระมัดระวัง

“หากสื่อสารด้วยความจริง สุจริต ไม่บิดเบือน ไม่ได้สร้างความสับสนให้สังคมเข้าใจผิด แล้วถูกเจ้าหน้าที่ดำเนินคดีให้แจ้งมา ตนจะว่าความทำคดีให้ด้วยตนเอง” นายราเมศ กล่าว