
- มติผ่านร่างแก้ไข 1 ฉบับ ของประชาธิปัตย์ ประเด็นระบบเลือกตั้งบัตร 2 ใบ
- ที่เหลือ 12 ฉบับ ปัดตก เนื่องจากเสียง ส.ว. ไม่ถึง 84 เสียง ตามเงื่อนไขรัฐธรรมนูญกำหนด
- พร้อมตั้ง 45 กรรมาธิการวิสามัญฯ ประชุมนัดแรก 29 มิ.ย.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (24 มิ.ย.64) ที่รัฐสภา ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภาเพื่อพิจารณารับหลักการวาระแรกร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติมรายมาตรา 13 ฉบับ ได้ลงมติแบบขานชื่อเรียงตามลำดับตัวอักษร ตั้งแต่เวลา 17.00 น. จนถึงเวลา 23.30 น. โดยใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง 30 นาที จนครบทุกคนและครบทั้ง 13 ฉบับ จากนั้นได้ใช้เวลานับคะแนนอีกประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที โดยในที่สุดที่ประชุมมีผลมติรับหลักการวาระหนึ่งเพียง 1 ฉบับ คือร่างรัฐธรรมนูญฉบับพรรคประชาธิปัตย์ ประเด็นระบบเลือกตั้งบัตร 2 ใบ ด้วยมติ เห็นชอบ 552 เสียง แบ่งเป็นส.ส.342 ส.ว.210 ไม่เห็นชอบ 24 เสียง งดออกเสียง 130 เสียง ผ่านรับหลักการ
สำหรับฉบับอื่นๆ เนื่องจากเสียง ส.ว. ไม่ถึง 84 เสียง ตามเงื่อนไขที่รัฐธรรมนูญกำหนดทำให้ต้องตกไป โดยเฉพาะฉบับปิดสวิตช์ ส.ว. และร่างรัฐธรรมนูญฉบับของพรรคพลังประชารัฐ ที่มีปัญหาเสนอแก้กลไกปราบโกงของรัฐธรรมนูญ โดยมีรายละเอียดผลคะแนนแต่ละฉบับดังนี้
1.ร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับพรรคพลังประชารัฐ แก้ไข 5 ประเด็น
-ที่ประชุมมีมติ เห็นชอบ 334 เสียง เป็นส.ส.334 เสียง ส.ว. 0 เสียง ไม่เห็นชอบ 199 เสียง งดออกเสียง 173 เสียง ไม่ผ่านการรับหลักการ
2.ร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับฝ่ายค้าน นำโดยพรรคเพื่อไทย ประเด็นสิทธิและเสรีภาพ
– ที่ประชุมมีมติ รับหลักการ 399 เสียง ส.ส. 393 ส.ว. 6 เสียง ไม่เห็นชอบ 136 เสียง งดออกเสียง 171 เสียง ไม่ผ่านรับหลักการ
3.ร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับฝ่ายค้าน นำโดยพรรคเพื่อไทย ประเด็นระบบเลือกตั้งบัตร 2ใบ
-ที่ประชุมมีมติ เห็นชอบ 376 เสียง ส.ส. 340 ส.ว. 16 เสียง ไม่เห็นชอบ 89 เสียง งดออกเสียง 241 เสียง ไม่ผ่านรับหลักการ
4.ร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับฝ่ายค้าน นำโดยพรรคเพื่อไทย ประเด็น ปิดสวิตช์ ส.ว.
-ที่ประชุมมีมติ เห็นชอบ 455 เสียง ส.ส. 440 ส.ว. 15 เสียง ไม่เห็นชอบ 111 เสียง งดออกเสียง 150 เสียง ไม่ผ่านรับหลักการ
5.ร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับฝ่ายค้าน นำโดยพรรคเพื่อไทย ประเด็นยกเลิกยุทธศาสตร์ชาติ
-ที่ประชุมมีมติ เห็นชอบ 327 เสียง ส.ส. 326 ส.ว.1 ไม่เห็นชอบ 150 เสียง งดออกเสียง 229 เสียง ไม่ผ่านรับหลักการ
6.ร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับพรรคภูมิใจไทย ประเด็นประแก้ยุทธศาสตร์ชาติ
-ที่ประชุมมีมติ เห็นชอบ 454 เสียง ส.ส. 419 ส.ว. 35 ไม่เห็นชอบ 86 เสียง งดออกเสียง 166 เสียง ไม่ผ่านรับหลักการ
7.ร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับพรรคภูมิใจไทย ประเด็นหน้าที่ของรัฐแก้ปัญหาความยากจน
-ที่ประชุมมีมติ เห็นชอบ 476 เสียง ส.ส.421 ส.ว.55 ไม่เห็นชอบ 78 เสียง งดออกเสียง 152 เสียง ไม่ผ่านรับหลักการ
8.ร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับพรรคประชาธิปัตย์ ประเด็นสิทธิเสรีภาพ
-ที่ประชุมมีมติ เห็นชอบ 469 เสียง ส.ส.421 ส.ว. 48 ไม่เห็นชอบ 75 เสียง งดออกเสียง 162 เสียง ไม่ผ่านรับหลักการ
9.ร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับพรรคประชาธิปัตย์ ประเด็นสัดส่วนการโหวตแก้รัฐธรรมนูญ
-ที่ประชุมมีมติ เห็นชอบ 415 เสียง ส.ส. 400 ส.ว. 15 ไม่เห็นชอบ 102 เสียง งดออกเสียง 189 เสียง ไม่ผ่านรับหลักการ
10.ร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับพรรคประชาธิปัตย์ ประเด็นการตรวจสอบ ป.ป.ช.
-ที่ประชุมมีมติ เห็นชอบ 431 เสียง ส.ส. 398 ส.ว. 33 ไม่เห็นชอบ 97 เสียง งดออกเสียง 178 เสียง ไม่ผ่านรับหลักการ
11.ร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับพรรคประชาธิปัตย์ ประเด็นที่มานายกรัฐมนตรีและปิดสวิตช์ ส.ว.
-ที่ประชุมมีมติ เห็นชอบ 461 เสียง ส.ส. 440 ส.ว. 21 ไม่เห็นชอบ 96 เสียง งดออกเสียง 149 ไม่ผ่านรับหลักการ
12.ร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับพรรคประชาธิปัตย์ ประเด็นกระจายอำนาจท้องถิ่น
-ที่ประชุมมีมติ เห็นชอบ 457 เสียง ส.ส. 407 ส.ว. 50 ไม่เห็นชอบ 82 เสียง งดออกเสียง 167 เสียง ไม่ผ่านรับหลักการ
13.ร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับพรรคประชาธิปัตย์ ประเด็นระบบเลือกตั้งบัตร 2 ใบ
-ที่ประชุมมีมติ เห็นชอบ 552 เสียง ส.ส. 342 ส.ว. 210 ไม่เห็นชอบ 24 เสียง งดออกเสียง 130 เสียง ผ่านรับหลักการ
สำหรับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ได้รับความเห็นชอบครั้งนี้ เป็น 1 ใน 6 ฉบับที่พรรคประชาธิปัตย์เสนอ โดยเป็นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อแก้ไข มาตรา 83 และมาตรา 91 เกี่ยวกับจำนวน ส.ส. และระบบเลือกตั้ง ส.ส. มีสาระสำคัญ ดังนี้-มาตรา 83 ให้ ส.ส.มีจำนวน 500 คน มาจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขต 400 คน และมาจากการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ 100 คน จากที่รัฐธรรมนูญปี 2560 กำหนด ให้ ส.ส.เขต 350 คน และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 150 คน โดยเป็นการเพิ่มจำนวนเขตเลือกตั้ง และเป็นเลือกตั้งแยกระหว่างเลือกคน กับการเลือกพรรค แบบรัฐธรรมนูญปี 2540 หรือ 2550 ซึ่งส่งผลให้เกิดการเลือกตั้งแบบบัตร2 ใบ จากเดิมที่รัฐธรรมนูญ 2560 ใช้ระบบบัตรใบเดียวเลือกตั้งเฉพาะ ส.ส.เขตเท่านั้น
-มาตรา 91 ยกเลิกวิธีการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อของรัฐธรรมนูญ 2560 กลับไปใช้วิธีการคำนวณที่สอดคล้องกับรูปแบบบัตร 2ใบ กำหนดให้นำคะแนนเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อที่แต่ละพรรคได้รับทั่วประเทศ มาคำนวณเพื่อจัดสรรที่นั่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อของแต่ละพรรคมาคำนวณเพื่อจัดสรรที่นั่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อของแต่ละพรรค
อย่างไรก็ตามระบบเลือกตั้งนี้ ถูกอภิปรายไม่เห็นด้วย ทั้งจากสมาชิกวุฒิสภา และส.ส.พรรคก้าวไกล ที่มองว่าจะเป็นการเพิ่มเขตเลือกตั้ง ทำให้สัดส่วนพื้นที่ถูกซอยให้มีขนาดเล็กลง เอื้อต่อระบบพรรคการเมืองใหญ่ที่มีอิทธิพล และอาจกระทบต่อพรรคการเมืองเล็กที่ไม่ได้เป็นเจ้าของพื้นที่ เช่นเดียวกับพรรคภูมิใจไทย ที่ประกาศมาตลอดว่าร่วมเสนอร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้กับพรรคประชาธิปัตย์ แต่ด้วยระบบที่อาจส่งผลต่อจำนวน ส.ส.ของพรรคภูมิใจไทย ทำให้การลงมติวันนี้ ส.ส.พรรคภูมิใจไทยส่วนใหญ่งดออกเสียง
นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้ตั้งกรรมาธิการจำนวน 45 คน ประกอบด้วย พรรคร่วมรัฐบาล 17 คน แบ่งเป็น พรรคพลังประชารัฐ 8 คน พรรคภูมิใจไทย 4 คน พรรคประชาธิปัตย์ 3 คน พรรคชาติไทยพัฒนา 1 คน และเศรษฐกิจใหม่ 1 คนส่วน พรรคร่วมฝ่ายค้าน 13 คน แบ่งเป็น พรรคเพื่อไทย 8 คน พรรคก้าวไกล 3 คน พรรคเสรีรวมไท 1 คน และพรรคประชาชาติ 1 คน กำหนดแปรญัตติ 15 วัน โดยจะเริ่มประชุมนัดแรกในวันที่ 29 มิ.ย.นี้ จากนั้นนายชวน หลีกภัยประธานรัฐสภา ได้สั่งปิดการประชุมในเวลา 01.55 น.










