รัฐมนตรีองค์การค้าโลก จี้สมาชิกเดินหน้าการค้าพหุภาคี



  • หวังให้ช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจ-การค้าโลกหลังวิกฤติโควิด-19
  • ย้ำสมาชิกใช้มาตรการลดผลกระทบโควิดต้องทำชั่วคราว
  • หนุนยืดหยุ่นเจรจาลด/เลิกอุดหนุนประมง-สินค้าเกษตร

นายสรรเสริญ สมะลาภา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงการประชุมรัฐมนตรีองค์การการค้าโลกอย่างไม่เป็นทางการ ผ่านระบบทางไกล เมื่อวันที่ 27 ต.ค.63 ว่า ที่ประชุมได้หารือถึงบทบาทขององค์การการค้าโลก(ดับบลิวทีโอ) ในการสนับสนุนระบบการค้าพหุภาคี ที่มีความสำคัญต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจโลกหลังวิกฤตโควิด-19 และยังได้เน้นย้ำความสำคัญของการบังคับใช้มาตรการทางการค้าของสมาชิกในวิกฤตโควิด- 19 เช่น จำกัดการส่งออกสินค้าจำเป็น เพื่อให้เพียงพอใช้ในประเทศ เป็นต้น ต้องสอดคล้องกับกฎเกณฑ์ของดับบลิวทีโอ โปร่งใส เหมาะสม บังคับใช้ชั่วคราว และไม่ก่อให้เกิดอุปสรรคทางการค้าโดยไม่จำเป็น เพื่อรักษาเสถียรภาพการค้าระหว่างประเทศและส่งเสริมให้ห่วงโซ่การผลิตโลกฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว

ส่วนประเด็นการเจรจาภายใต้ดับบลิวทีโอ ที่ยังไม่บรรลุผลการเจรจา เช่น การลด/เลิกอุดหนุนประมง การลด/เลิกอุดหนุนสินค้าเกษตร ที่ส่งผลให้กลไกราคาในตลาดโลกบิดเบือน และสร้างความได้เปรียบเหนือคู่แข่ง และการจัดทำกฎเกณฑ์ด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ นั้น ที่ประชุมได้เสนอให้สมาชิกมีความยืดหยุ่นในการเจรจามากขึ้น และเจรจาอย่างประนีประนอม โดยเฉพาะการอุดหนุนประมง ที่จะต้องยืดหยุ่นในเรื่องการกำจัดการอุดหนุนการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงานและไร้การควบคุม (IUU Fishing) และห้ามอุดหนุนการทำประมงที่เป็นอันตรายต่อทรัพยากรสัตว์น้ำ เพื่อให้สามารถสรุปผลการเจรจาได้ภายในปีนี้

นอกจากนี้ รัฐมนตรีดับบลิวทีโอ ยังได้สนับสนุนการปฏิรูปดับบลิวทีโอ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์การค้าในปัจจุบัน และผลักดันให้แต่งตั้งสมาชิกองค์กรอุทธรณ์ในตำแหน่งที่ว่างอยู่ 6 ตำแหน่ง จากทั้งหมด 7 ตำแหน่ง และอีก 1 ตำแหน่งที่เหลือจะหมดวารปี 64 เพื่อรักษากลไกระงับข้อพิพาทของดับบลิวทีโอ ซึ่งมีส่วนสำคัญในการคุ้มครองสิทธิของประเทศสมาชิก พร้อมกับหวังว่า การคัดเลือกผู้อำนวยการใหญ่ดับบลิวทีโอคนใหม่ขณะนี้ จะได้ผู้นำที่สามารถขับเคลื่อนการเจรจาภายใต้ดับบลิวทีโอ ให้สำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมได้

“ไทยสนับสนุนและยืนยันสานต่อการมีส่วนร่วมในการทำงานร่วมกับประเทศสมาชิก เพื่อขับเคลื่อนการเจรจาประเด็นสำคัญ ให้สสรุปผลสำคัญได้ และการปรับปรุงกลไกการทำงานของดับบลิวทีโอให้มีประสิทธิภาพ เพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นต่อระบบการค้าพหุภาคี และเสริมสร้างบทบาทของดับบลิวทีโอ ในการรับมือกับผลกระทบทางเศรษฐกิจ และเร่งรัดการฟื้นฟูเศรษฐกิจภายหลังวิกฤตโควิด-19”