

วันนี้ (17 ก.พ.66) นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง กล่าวถึงกรณี 2 อธิบดีกระทรวงการคลัง ที่ดำรงตำแหน่งกรรมการในบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่เข้าซื้อขายหุ้นในบริษัทดังกล่าว ในขณะที่บริษัทกำลังเข้าซื้อกิจการจากบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ว่า เป็นเรื่องความรับผิดชอบของอธิบดีทั้ง 2 คน ที่ต้องไปดูแลเอง ซึ่งตนยังไม่ได้มีการพูดคุยถึงเรื่องนี้อย่างใด
ทั้งนี้ เมื่อถามว่า กระทรวงการคลังจำเป็นต้องมีการปรับปรุงในเรื่องจริยธรรมผู้บริหารกระทรวงการคลัง ในการเข้าไปเป็นกรรมการผู้แทนในกิจการต่างๆ ของกระทรวงการคลัง ให้มีความชัดเจนมากขึ้นหรือไม่ นายอาคม กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวมีกติกาข้อกำหนดไว้อยู่แล้ว โดยการให้หุ้นแก่พนักงานและบอร์ดนั้น ถือเป็นสิทธิ์พื้นฐาน แต่การที่กรรมการเข้าไปเทรดหรือซื้อขายหุ้นนั้น ถือเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
“มันมีกติกาอยู่แล้วเรื่องการให้หุ้น มีสิทธิ์ของพนักงานและบอร์ด ตามที่เขาให้มันเป็นสิทธิ์ขั้นพื้นฐาน แต่การที่เข้าไปทำการซื้อขาย เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ต้องไปดูกฎระเบียบของตลาด” นายอาคม กล่าว
ทั้งนี้ ในรายงานผ่านเว็บไซต์ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ระบุชื่อของ 2 อธิบดี กระทรวงการคลัง ได้แก่ นายจำเริญ โพธิยอด อธิบดีกรมธนารักษ์ และนางสาวกุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมบัญชีกลาง โดยทั้ง 2 คน ดำรงตำแหน่งกรรมการในบริษัทบางจากฯ ได้เข้าซื้อขายหุ้นในบริษัทบางจากฯ
โดยนายจำเริญได้เข้าซื้อทั้งหมดสิ้น 3 ครั้ง เป็นจำนวนหุ้น 600,000 หุ้น ก่อนที่บริษัทบางจากฯ จะเซ็นสัญญาเข้าซื้อกิจการจากบริษัทเอสโซ่ รวมถึงมีการขายหุ้นออกจำนวน 150,000 หุ้น หลังบริษัทบางจากฯ ดำเนินการเซ็นสัญญาซื้อขายกับบริษัทเอสโซ่ฯ เพียงแค่ 1 วัน
ทั้งนี้ในส่วนของ นางสาวกุลยา ได้เข้าซื้อหุ้นจำนวน 300,000 หุ้น โดยหลังจากมีหุ้นบางจากเข้ามาในพอร์ต ก็ได้สั่งให้โบรกเกอร์ดำเนินการขายหุ้นดังกล่างออกไปทันที ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนที่บริษ้ทบางจากฯ จะดำเนินการเซ็นสัญญาซื้อกิจการกับทางบริษ้ทเอสโซ่ฯ
ทั้งนี้ จากกรณีดังกล่าวนี้ทำให้ทั้งอธิบดีทั้ง 2 คน ถูกตั้งข้อสังเกตว่า การกระทำดังกล่าวนี้ถือเป็นการอินไซด์ข้อมูลการซื้อขายหุ้นบางจาก ในขณะดำรงกน้าที่เป็นบอร์ดอยู่หรือไม่ และการรับหุ้นจากบริษัทนั้น ถือว่าผิดจรรยาบรรณต่อการเป็นกรรมการผู้แทนกระทรวงการคลังหรือไม่
ล่าสุดนายจำเริญ และนาฃสาวกุลยา ได้ออกมาชี้แจงพร้อมยืนยันว่า การซื้อขายหุ้นที่เกิดขึ้นนั้น ไม่ได้เป็นการอินไซค์ข้อมูลแต่อย่างใด และการรับซื้อหุ้นเป็นการใช้สิทธิ์ในการรับผลตอบแทน ที่บริษัทบางจากฯ ดำเนินการจัดสรรให้กับบอร์ดและพนักงานเท่านั้น ที่จำนวน 18 ล้านหุ้น