

- กลุ่มผู้เสียหายเผย ไม่ทราบว่าซิปเม็กซ์มีการโอนเงินไปยัง Z wallet ซึ่งอาจอยู่นอกเหนือการดูแลของ ก.ล.ต.
- ชี้ตามหลักการ บริษัทไม่สามารถนำสินทรัพย์ของลูกค้าไปลงทุนต่อได้
- ลั่นทางผู้เสียหาย ต้องการดูว่าบริษัทจะสามารถแก้ไขปัญหาใดได้บ้างในเวลานี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (25 ก.ค.65) ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(บช.สอท.) ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ กลุ่มผู้เสียหาย Zipmex (ซิปเม็กซ์) ได้นัดรวมตัวกัน เพื่อแจ้งความฟ้องร้องค่าเสียหายรวมมากกว่า 600 ล้านบาท หลังผู้เสียหายกว่า 744 คน ไม่ทราบว่ามีการโอนเงินไปยัง Z wallet ซึ่งอาจอยู่นอกเหนือการดูแลของ ก.ล.ต. โดยมี พ.ต.อ.คมกฤช สุขไทย รอง ผบก.สอท.1 เป็นผู้รับเรื่องร้องเรียน
นายภัทรเศรษฐ์ พรหมสวัสดิ์ หนึ่งในผู้เสียหายซิปเม็กซ์ กล่าวว่า เบื้องต้นผู้เสียหายไม่สามารถโยกสินทรัพย์ดิจิทัลในเทรดวอเลตได้ โดยทางบริษัทได้เอาสินทรัพย์ของลูกค้าไปลงทุนต่อ ซึ่งต้องดูว่ามันผิดหลัก ก.ล.ต.หรือไม่ ซึ่งตามหลักแล้วบริษัทไม่สามารถนำสินทรัพย์ของลูกค้าไปลงทุนต่อได้
โดยทราบมาว่ากระดานมีปัญหาเรื่องของสภาพคล่อง ทำให้เกิดปัญหาซีวอเลตล็อก ซึ่งทางซิปเม็กซ์ ให้เหตุผลว่ามีการลงทุนต่างประเทศ แต่เขาไม่ได้มีการพูดถึงว่าจะเอาเงินของพวกเราไปจ่ายดอกต่อ เพื่อหาผลประโยชน์

นายภัทรเศรษฐ์ กล่าวต่อว่า ที่ผู้เสียหายมารวมตัวกันวันนี้คือ ต้องการดูว่าบริษัทจะสามารถแก้ไขปัญหาใดได้บ้างขณะนี้ผู้เสียหายได้มีการรวบรวมข้อมูล เพื่อนำไปเป็นเอกสารประกอบการดำเนินคดี ซึ่งขณะนี้มีผู้เสียหายรวม 744 คน มูลค่ารวม 661,062,586 ล้าน (มูลค่า ณ ช่วงเวลาปิดการถอนเงิน ในวันที่ 20 ก.ค.2565 ตามดัชนีคอยน์มาร์เก็ตแคป)
ทั้งนี้ สำหรับสัดส่วนของเหรียญคริปโตที่ได้ลงทุนในผลิตภัณฑ์ ZipUp+ ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ลงทุนในเหรียญ ‘บิตคอยน์’ 50.4% ซึ่งมีมูลค่าวันปิดฝากถอน ประมาณ 330,413,611 บาท หลังจากนี้เราจะต้องดูตามแนวทางว่า ทางบริษัทจะให้คำตอบอย่างไรกับสิ่งที่จะต้องแก้ไขปัญหา ซึ่งถ้าหากไม่ทำอะไร ก็จะต้องเดินหน้าว่าจะไปทิศทางไหน
นายภัทรเศรษฐ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ผู้เสียหายยังรวบรวมหลักฐานและดำเนินการ อีกทั้งรอดูท่าทีของทางซิปเม็กซ์ว่าจะหาแนวทางแก้ปัญหาอย่างไร รวมไปถึงเรื่องของการดูข้อกฎหมาย โดยเบื้องต้นทราบว่า บริษัทขาดสภาพคล่องซึ่งหมายถึงบริษัทไม่มีเงินมาจ่าย ซึ่งระหว่างการระงับกระเทรดถือเป็นการเสียโอกาสทางการลงทุน
ด้าน พ.ต.อ.คมกฤช กล่าวว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจรับเรื่องเพื่อตรวจสอบข้อมูล และต้องสอบถามเจ้าของบริษัทก่อน ทั้งนี้ในส่วนว่าจะเข้าความผิดไหนบ้าง ต้องสอบปากคำผู้เสียหายก่อนจากนั้นถึงจะสรุปได้ว่าเข้าความผิดอะไรบ้าง