ยาสูบฯ ลุ้นกฤษฎีกา ไฟเขียวเกษตรกรลงทะเบียนปลูกพืช “กัญชง-กัญชา” หลังสงกรานต์



  • คาดเริ่มปลูกได้ช่วงเดือนส.ค.ปีนี้
  • มีรายได้ขั้นต่ำกว่า 80,000 บาทต่อไร่

นายภาณุพล รัตนกาญจนภัทร ผู้ว่าการการยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.)เปิดเผยว่า คาดว่าในสัปดาห์นี้จะได้ความชัดเจนจากคณะกรรมการกฤษฎีกา และ คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เรื่องการส่งเสริมเกษตรกรผู้ปลูกใบยาสูบ ปลูกพืชกัญชง-กัญชา เป็นพืชเสริม ซึ่งยสท.มีขอบเขตอำนาจในการดำเนินการดังกล่าวมากน้อยแค่ไหน รวมทั้งยังเตรียมหารือร่วมกับองค์การเภสัชกรรม กรมแพทย์แผนไทย และสถาบันจุฬาภรณ์ฯ ถึงแนวทางในการนำกัญชามาใช้ทางการแพทย์เพิ่มเติมจากที่คุยเบื้องต้นไปแล้วก่อนหน้านี้

อย่างไรก็ตามหากกฤษฎีกาตีความชัดเจนแล้ว คาดว่าหลังสงกรานต์ในเดือนเม.ย.2564 ยสท.จะเริ่มเปิดให้เกษตรกรผู้ปลูกใบยาสูบที่เป็นเครือข่ายของ ยสท. ได้ลงทะเบียนเพื่อปลูกกัญชง-กัญชาเป็นพืชเสริมได้ อย่างน้อย 1,000 ไร่ และจะสามารถเริ่มปลูกได้ช่วงเดือนส.ค.ปีนี้ โดยช่วงแรกจะเป็นการสนับสนุนการปลูกพืชกัญชงก่อน เนื่องจากตลาดกัญชงกว้างกว่ามีมูลค่าตลาดกว่าแสนล้านบาท ขณะที่กัญชาจะใช้ได้เฉพาะทางการแพทย์

“2 สัปดาห์แรกหลังกฤษฎีกาตีความชัดเจน จะมีการหารือกับนักวิชาการและพูดคุยกับชาวไร่เพื่อรับฟังความคิดเห็นโดยเฉพาะจากชาวไร่รุ่นใหม่ เพื่อกำหนดแนวทางที่จะเดินร่วมกัน ยาสูบไม่ได้มองว่าจะมีกำไรหรือไม่ เพราะจะไม่มีการนำพืชพวกนี้มาใช้กับบุหรี่เด็ดขาด ยกเว้นมีใครจ้างยาสูบผลิตสำหรับใช้ในบุหรี่ไฟฟ้าส่งไปต่างประเทศ ซึ่งต้องดูเรื่องกฎหมายว่ายาสูบสามารถทำได้หรือไม่เพราะมีเรื่องของการส่งออก แต่จะไม่มีการใช้ใบบุหรี่ในประเทศแน่นอน ซึ่งจะใช้ในเรื่องการแพทย์ เรื่องเส้นใยเท่านั้น”     

ส่วนการส่งเสริมให้ชาวไร่ได้ปลูกพืชกัญชง-กัญชานั้นจะต้องมีการประกันราคาผลผลิตให้ชาวไร่ด้วย ซึ่งผู้ที่จะกำหนดราคาจะต้องรอดูความชัดเจนจากกฤษฎีกาอีกครั้ง  ทั้งนี้ที่ผ่านมา ยสท. ได้หารือร่วมกับองค์การต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเตรียมตลาดรองรับผลผลิตกัญชง-กัญชา รวมทั้งหารือกับสถาบันการเงินเพื่อหาแหล่งเงินทุนให้ชาวไร่ด้วย  

ทั้งนี้ปัจจุบัน ยสท. มีเครือข่ายเกษตรชาวไร่ผู้ปลูกใบยาสูบที่ขึ้นทะเบียนกับ ยสท.จำนวน 13,500 ครัวเรือน ซึ่งที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตบุหรี่ ซึ่งส่งผลกระทบต่อยอดขายของ ยสท. ทำให้โรงงานยาสูบรับซื้อใบยาสูบจากเกษตรลดลงจากเดิม 28 ล้านกิโลกรัมต่อปี เหลือ 13 ล้านกิโลกรัมต่อปี ส่งผลกระทบต่อรายได้หายไปประมาณ 50% ซึ่งการปรับพื้นที่มาปลูกพืชกัญชาเสริม จะทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น จากเดิมมีรายได้จากการปลูกใบยาสูบจะอยู่ที่ 23,000 – 24,000 บาทต่อไร่ หากปลูกพืชกัญชาคาดว่าจะมีรายได้ขั้นต่ำ 70,000-80,000 บาทต่อไร่