ม็อบหงายเงิบ…หลังซูเปอร์โพลชี้ คนไทยส่วนใหญ่ยังจงรักภักดี พร้อมถามทำลายเงินภาษีประชาชนทำไม



ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เปิดเผยถึงผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง ภาษีของราษฎร กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ โดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) จำนวน 1,112 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 19 – 21 พฤศจิกายน พ.ศ.2563 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้เมื่อถามถึง ภาษีของราษฎร พบว่า ส่วนใหญ่หรือ 93.3% ระบุ ม็อบราษฎร หยุดอ้างว่าจะรักษาเงินภาษีของราษฎรเพราะเห็นแล้วว่าได้ทำลายทรัพย์สินส่วนรวมจากเงินภาษีของราษฎร รองลงมาหรือ 92.9% ระบุ ม็อบราษฎรแท้จริงต้องช่วยรักษาเงินภาษีของราษฎร ไม่ใช่ทำลายแบบนี้ 92.7% ระบุ ม็อบประชาธิปไตย ใจเผด็จการยิ่งกว่าผู้มีอำนาจตอนนี้ เพราะคุกคามผู้อื่น บังคับผู้อื่น ต้องทำตามข้อเรียกร้อง ทำลายผู้เห็นต่าง ถึงจะรุนแรงบานปลาย ไม่สนเงินภาษีประชาชนที่ต้องมาฟื้นฟูหลังการสูญเสีย 92.3% ระบุ น่าเคลือบแคลงสงสัยว่า ม็อบทำเพื่อตนเองและพวกพ้อง คนหยิบมือเดียวได้ประโยชน์ด้วยทุนต่างชาติมาทำลายเงินภาษีของราษฎร

ดร.นพดล กล่าวว่า ที่น่าพิจารณาคือ 91.7% ระบุ ม็อบประชาธิปไตยแท้จริง ต้องชุมนุมด้วยความสงบ ช่วยรักษาทรัพย์สิน สมบัติชาติ ไม่ทำลายเงินภาษีประชาชนเหมือนที่หน้ารัฐสภา 91.6% ระบุ ถ้าเห็นแก่อนาคตของน้องๆ พี่ๆ มาทำลายทรัพย์สินส่วนรวมจากเงินภาษีของราษฎรทำไม  90.6% ระบุ ขบวนการต่างชาติ ร่วมทุนในไทยหนุนม็อบ ปลุกปั่นทำลายเงินภาษีของราษฎร และส่วนใหญ่หรือ 90.0% ระบุ เงินภาษีของราษฎรถูกม็อบทำลาย เช่น รถเมล์ รถตู้ตำรวจ รถน้ำแรงดันสูง กล้องวงจรปิดดูแลความปลอดภัยของราษฎร เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่หรือ 94.8% ระบุ คนไทยส่วนใหญ่ยังจงรักภักดี และต้องการปกป้องรักษาสถาบันหลักของชาติ ในขณะที่ 93.4% ระบุไม่รัก ก็อย่าทำลาย และ 91.6% ระบุ เอือมระอากับม็อบ หยุดได้แล้ว ประเทศไทยต้องเดินหน้าต่อ จัดการคนทำผิดกฎหมายไม่ต้องเว้น

นอกจากนี้ที่น่าพิจารณาคือ ส่วนใหญ่หรือ 92.4% ต้องการให้ผู้มีอำนาจออกมาทำบ้านเมืองให้สงบสุข ไม่วุ่นวายโดยเร็ว ในขณะที่ 7.6% ระบุปล่อยไปแบบนี้ และที่น่าสนใจคือ เมื่อถามถึงจุดยืนทางการเมืองของประชาชน พบว่า ส่วนใหญ่หรือ 59.6% สนับสนุนรัฐบาล ในขณะที่  20.4% ไม่สนับสนุนรัฐบาล และ 20.0% เป็นพลังเงียบ ขออยู่ตรงกลาง

ดร.นพดล กล่าวด้วยว่า หลังเกิดเหตุปะทะทำลายทรัพย์สินราชการจากเงินภาษีของราษฎร ส่งผลทำให้กลุ่มพลังเงียบและผู้เคยไม่สนับสนุนรัฐบาลบางส่วน เทคะแนนมาสนับสนุนรัฐบาลมากขึ้น และผลโพลเรื่อง ภาษีของราษฎร นี้ชี้ให้ประชาชนทั่วไป เห็นอย่างน้อย 3 อย่างคือ

1.แกนนำและม็อบผู้เคยประกาศตัวเรื่องปกป้องภาษีของประชาชน แต่กลับมาทำลายเงินภาษีของประชาชน ด้วยวิธีที่รุนแรงแบบธรรมดาที่ใครๆ ก็ทำได้คือทุบทำลายให้เสียหาย และประชาชนต้องมาจ่ายเพิ่มในการซ่อมแซมฟื้นฟูแทนที่จะเอาเงินภาษีของประชาชนไปช่วยเรื่องสุขภาพและการศึกษา

2.แกนนำและม็อบเคยเรียกร้องให้หยุดคุกคามประชาชน แต่กลับทำร้ายผู้เห็นต่างจนบาดเจ็บ รวมถึงคุกคามเบียดเบียนผู้อื่น ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน จนทำมาหากินไม่ได้

3.แกนนำและม็อบเรียกร้องประชาธิปไตยแท้จริง แต่กลับไปบังคับข่มขู่ และใช้กฎหมู่เหนือกฎหมาย พรรคพวกทำผิดกฎหมายได้ต้องปล่อยตัว ถ้าบ้านเมืองไม่มีกฎหมายแล้วราษฎรจะอยู่กันอย่างไร เพราะถ้าไปศึกษาประวัติศาสตร์ของประชาธิปไตยในโลกตะวันตก จะพบว่าประเทศเหล่านั้นมีสงครามกลางเมือง มีจลาจลเพราะกลุ่มผลประโยชน์ขัดแย้งกันในหมู่ประชาชน พวกเขาจึงต้องมีระบบการส่งตัวแทนผ่านการเลือกตั้งเข้าสู่สภา และแก้ปัญหาความขัดแย้งกันในสภา 

“ถ้าคิดว่าสภาแก้ไม่ได้ก็ต้องยุบสภา เลือกตั้งใหม่ แต่ถ้ายุบสภาเลือกตั้งใหม่ภายใต้รัฐธรรมนูญปัจจุบันบางกลุ่มเล็งเห็นว่าจะได้ผลลัพธ์ไม่ถูกใจก็ต้องลงประชามติแก้รัฐธรรมนูญ ถ้าอ้างอีกว่าลงประชามติแก้รัฐธรรมนูญเปลืองงบประมาณ ก็ควรคิดต่อว่า ถ้าปมนี้แก้กันไม่ได้จนเกิดความรุนแรงบานปลายเกิดการสูญเสียจะทำให้ราษฎรทั้งประเทศเสียงบประมาณมากกว่าหรือไม่ ทั้งงบประมาณฟื้นฟูประเทศเยียวยาการสูญเสียและงบประมาณตามกระบวนการประชาธิปไตยใหม่” ดร.นพดล กล่าว