

วันที่ 19 มิ.ย.2564 น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยนายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร นายวิวัตห์ชัย พันธุ์วา รองอธิบดีส่งเสริมสหกรณ์ และคณะ ได้เดินทางมายังพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เพื่อติดตามความคืบหน้าการก่อสร้างสถานีสูบน้ำบือเร็ง 2 เขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก ซึ่งเป็นโครงการก่อสร้างระบบป้องกันน้ำท่วม ที่ส่งผลกระทบต่อชาวบ้าน จำนวน 465 ครัว ในทุกปีของฤดูน้ำหลาก ซึ่งการก่อสร้างแล้วเสร็จ 85 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งหากโครงการดังกล่าวแล้วเสร็จจะเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านแบบยั่งยืน แถมชาวบ้านจะได้ประโยชน์ในการเดินทางไปมาหาสู่ เพื่อติดต่อค้าขายร่วมระหว่างประเทศซึ่งกันและกัน ตามช่องทางข้ามจุดผ่อนปรน ส่วนสินค้าต่างๆที่มีการซื้อขายระหว่างกัน ก็จะมีการขนส่งด้วยยานพาหนะ โดยผ่านด่านพรมแดนถูกต้องตามกฏหมาย

ต่อมา น.ส.มนัญญา รมช.เกษตรและสหกรณ์ พร้อมคณะ ได้เดินทางไปยังด่านพรมแดน อ.สุไหงโก-ลก เพื่อรับฟังการบรรยายสรุปจากนายอมรศักดิ์ จู้ทิ่น หัวหน้าด่านตรวจพืชสุไหงโก-ลก โดยเฉพาะในส่วนของการส่งออกผลิตผลทางการเกษตร ซึ่งหลังจากเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ทั้งไทยและมาเลเซีย การส่งออกผลผลิตทางการเกษตรไปยังประเทศมาเลเซียมีปริมาณลดน้อยลงเป็นอย่างมาก จนส่งผลกระทบต่อชาวบ้านที่ประกอบอาชีพเกษตรกร ซึ่งส่วนใหญ่ต้องล้มเลิกอาชีพดังกล่าวเป็นเวลานานกว่า 1 ปี จนขยายผลไปสู่ภาระหนี้สินที่สะสมจากการกู้ยืมจากสหกรณ์การเกษตรต่างๆ ที่ไม่สามารถจ่ายได้ดั่งเดิมเหมือนในอดีตที่ผ่านมา ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกษตรกรไม่สามารถลืมตาอ้าปากได้ในระยะนี้
และหลังจากรับฟังการบรรยายสรุปที่ด่านพรมแดน อ.สุไหงโก-ลก แล้วเสร็จ น.ส.มนัญญา รมช.เกษตรและสหกรณ์ พร้อมคณะ ได้เดินทางต่อไปยังที่ทำการสหกรณ์การเกษตรสุไหงโก-ลก เพื่อมอบครุภัณฑ์การเกษตร ตามโครงการปรับโครงสร้างการผลิตการตลาดและการแปรรูป อาทิ รถแทรกเตอร์ จำนวน 3 คัน เครื่องตัดหญ้าแบบสะพายและแบบรถเข็น จำนวน 65 เครื่อง ให้กับสหกรณ์การเกษตรสุไหงโก-ลกจำกัด สหกรณ์การเกษตรนิคมปิเหล็งจำกัด และสหกรณ์กองทุนสวนยางบ้านป่าไผ่จำกัด เพื่อให้สมาชิกมีขีดความสามารถในการแก้ไขปัญหาภาคการเกษตรและยกระดับการผลิตสินค้า โดยไม่ต้องพึ่งสารเคมีในการกำจัดวัชพืช เพื่อเป็นการสร้างสมดุลทางธรรมชาติ