ภูมิใจไทยเชื่อเรียนออนไลน์ -Work @home ช่วยแก้วิกฤตโควิด-19



  • โฆษกพรรคภูมิใจไทยเชื่อเรียนออนไลน์ ช่วยแก้วิกฤตไวรัสโควิด-19
  • เผย 6 เดือนข้างหน้า 5 จี จะนำมาใช้จริงในประเทศไทย
  • ให้จับตา Telemedicine จะนำมาใช้อย่างแพร่หลาย

พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงเรื่องการนำระบบศึกษาออนไลน์มาใช้ในช่วงวิกฤติไวรัสโควิด-19 ว่า ขณะนี้ได้มีการเสนอให้มีการปรับปรุงพระราชบัญญัติ ที่เกี่ยวข้องกับการเรียนการศึกษานอกระบบ การศึกษาตามอัธยาศัย ทางพรรคภูมิใจไทย ได้มีการเสนอเข้าไปในสภาผู้แทนราษฎรเมื่อเดือน ก.ย.2562 เพราะเนื่องจากพระราชบัญญัติเดิมไปกำหนดสถานศึกษาไว้ว่า จะต้องมีรูปแบบเป็นอาคาร เป็นตึก ฯลฯ ซึ่งในโลกปัจจุบันไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว ใครๆก็สามารถจะเรียนที่ไหนก็ได้ โดยไม่จำเป็นต้องเป็นที่สถาบันการศึกษาเท่านั้น เนื่องจากว่า Content การศึกษาเข้าถึงประชาชนหมดแล้ว วันนี้เราสามารถที่จะเรียนรู้ได้ทุกที่ทุกเวลา เพราะฉะนั้นสถานศึกษาเปลี่ยนไปแล้ว รูปแบบการเรียนการสอน ครูสอนต่อหน้าลูกศิษย์เริ่มไม่เหมือนเดิม เพราะว่าลูกศิษย์สามารถติดต่อกับครูอาจารย์ที่ไหนก็ได้ ดังนั้น จะต้องมีการแก้ไขในเรื่องของนิยามคำว่า สถาบัน หรือสถานศึกษา อีกอย่างคือต้องมีนิยามที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาผ่านระบบอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง

โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าววต่อว่า พรรคฯได้ดำเนินการเป็นไปตามนโยบายที่ได้เสนอไว้ให้กับประชาชน ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งในวันที่ 24 มี.ค.62 ทั้งเป็นที่ชัดเจนว่าได้มีการผลักดันในเรื่องนี้ ปรากฏว่าโลกเปลี่ยนไปทางนั้นจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิกฤตต่างๆที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ซึ่งในวันนี้ทำให้ผู้คนอาจจะต้องเรียนหนังสือที่สถานที่ใดก็ได้ ไม่จำเป็นต้องไปที่โรงเรียน เพราะว่าไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสิ่งแวดล้อม หรือเรื่องของโรคติดต่อต่างๆ เป็นภัยคุกคามรูปแบบใหม่ที่เกิดขึ้น

และจะเห็นได้ว่านโยบายพรรคภูมิใจไทย สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของโลกจริงๆ ซึ่งเราคาดการณ์ไว้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นตามภัยคุกคามใหม่ เพราะฉะนั้นในวันนี้จะเห็นได้ว่า วิสัยทัศน์ของ พรรคภูมิใจไทยมีความชัดเจนมาตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้งแล้ว โดยเราจะต้องมีการขับเคลื่อนเรื่อง Work at home (Work @home) (WAH) หรือ Work from home (WFH) เพื่อลดการเดินทาง ลดการเผาผลาญพลังงาน ประหยัดพลังงาน อยู่ที่บ้าน อยู่กับครอบครัวได้ ไม่ต้องมาที่ทำงานทุกวัน อาจจะลดการทำงานที่จะต้องอยู่ที่บริษัท หรือออฟฟิศ สำหรับข้าราชการ ภาครัฐ ในบางตำแหน่งก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไปทุกวัน เพราะในวันนี้สามารถที่จะสแกนใบหน้า หรือลายนิ้วมือ ผ่านทางสมาร์ทโฟนได้ ทั้งยังสามารถทำ National ID ซึ่งสามารถที่จะบ่งบอกถึงตัวบุคคลได้อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม วิกฤตครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องฝุ่น PM2.5 หรือ สถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 จะเกิดโอกาสขึ้น แสดงให้เห็นว่า พรรคภูมิใจไทยได้วางนโยบายก่อนการเลือกตั้งถูกต้องทุกอย่างเกี่ยวกับการเรียนออนไลน์ หรือการทำงานที่บ้าน

“ผมมองว่า ภาคเอกชน จะเป็นตัวนำในเรื่องของ Work at home (Work @home)(WAH) หรือ Work from home (WFH) โดยภาครัฐ จะต้องกำกับดูแล หรือให้การสนับสนุนส่งเสริม บริษัทไหน ที่มีพนักงานจำนวนเท่าไหร่ หรือ ขนาดบริษัทเท่าไหร่ สามารถลดภาษีได้ ถ้าคุณไม่ต้องทำให้พนักงานต้องเดินทางมาทำงานที่ออฟฟิศ อย่างตำแหน่งโปรแกรมเมอร์ ไม่จำเป็นที่จะต้องนั่งที่สำนักงาน หรือออฟฟิศทุกวัน สามารถที่จะทำโปรแกรมที่บ้านได้ ให้ส่งเป็นระบบคลาวด์ แลกเปลี่ยนการเชื่อมต่อกัน ซึ่งในสมัยนี้เป็นการใช้งานผ่านอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงหมดแล้ว จะเห็นได้ว่า หากลดการจราจรในตำแหน่งหลายๆตำแหน่ง สามารถทำงานที่บ้านได้ ข้าราชการหลายๆตำแหน่งสลับกันทำงานที่บ้าน อาจจะมีบางตำแหน่งที่จะต้องมาทำงานที่ออฟฟิศ กฎกระทรวง ระเบียบต่างๆ ก็แก้ไขให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน แต่วันนี้เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าการประกาศโรคไวรัสโควิด-19 บอกว่าให้ข้าราชการ สามารถที่จะจัดระบบใหม่ ซึ่งนี้ก็คือจุดเริ่มต้นที่ดีแล้ว ต่อไปเป็นการขับเคลื่อนในเชิงนโยบายระยะยาว เพราะฉะนั้นระบบราชการจะเปลี่ยนไปโดยอัตโนมัติ” โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าว

พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ เรื่อง เทคโนโลยีพัฒนาสุขภาพ หรือ Telemedicine เป็นนโยบายหลักที่สำคัญ กระทรวงสาธารณสุข โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ได้มีการขับเคลื่อนโครงการ Telemedicine มีการจัดให้มีการรักษาทางไกลได้ ซึ่งในอนาคตอันใกล้ จะได้เห็นระบบของ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) เปลี่ยนใหม่ แพทย์ที่ตำบลอาจจะปรึกษาแพทย์ที่โรงพยาบาลศูนย์ ซึ่งแพทย์ตำบลอาจจะเป็นแพทย์รุ่นใหม่ที่ยังไม่ค่อยมีประสบการณ์ในเรื่องของความเชี่ยวชาญด้านการรักษาเฉพาะด้านมากนัก ถ้าเกิดมีปัญหาอะไรก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเดินทางไป เพียงแค่ใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์สูงสุดเท่านั้น