“พิพัฒน์”จ่อดึง “ระยอง-จันทบุรี-ตราด”รับนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่ม หลังยอดติดเชื้อโควิดในไทยวูบ!



นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ขณะนี้เห็นยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ลดลงอย่างต่อเนื่อง คาดว่าการเดินทางในประเทศจะกลับมาเริ่มต้นใหม่อีกครั้งได้ในเดือน ต.ค.นี้ เนื่องจากเดือน ก.ย. จะเป็นช่วงเดือนที่มีวัคซีนเข้ามาเพิ่มอีกจำนวนมาก คาดว่าพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล จะสามารถฉีดวัคซีนให้กับคนในพื้นที่ได้ไม่ต่ำกว่า 70% ซึ่งเป็นสัดส่วนที่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้แล้ว และจะเกิดการเดินทางอีกครั้งเดือนต.ค. หลังจากนั้นจะเดินหน้าตามแผนการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ

ทั้งนี้ในวันที่ 3 ก.ย.นี้ กระทรวงการท่องเที่ยวฯ จะประชุมร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เพื่อหารือถึงแผนในการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี หลังจากนั้นในวันที่ 5 ก.ย. คาดว่าจะมีแผนดำเนินงานที่ชัดเจนเป็นรูปธรรมออกมา เนื่องจากขณะนี้ได้มีการหารือร่วมกันในเบื้องต้นบ้างแล้ว

“วันที่ 1 ก.ย. รัฐบาลได้ผ่อนคลายให้หลายกิจการกลับมาเปิดธุรกิจใหม่ได้ ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยฟื้นบรรยากาศในภาพรวมให้ดีขึ้นเรื่อยๆ อาทิ การใช้จ่าย การเดินทาง แต่สิ่งที่ต้องทำร่วมกันคือ การควบคุมการระบาดโควิด กดตัวเลขให้ลดลงอย่างต่อเนื่อง ไม่ให้กลับมาเพิ่มสูงขึ้น หลังจากมีการผ่อนคลายกิจกรรมต่างๆ แล้ว โดยหากภาพออกมาดูดีและไม่มีการพบผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่มสูงขึ้นอีก เชื่อว่าจะสามารถเดินหน้าตามแผนในการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ โดยเฉพาะในพื้นที่หรือจังหวัดที่มีความพร้อมสูงก่อน”

สำหรับแผนการเปิดพื้นที่นำร่องรับต่างชาติ จะเน้นพิจารณาในพื้นที่เดิมที่กำหนดไว้ก่อน ขณะนี้ยังเหลืออีก 5 พื้นที่ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร (กทม.) เชียงใหม่ ประจวบคีรีขันธ์ (พื้นที่หัวหิน) เพชรบุรี (พื้นที่ชะอำ) และชลบุรี ตามแผนเดิม ที่วางไว้ 10 พื้นที่หลัก หลังจากเปิดไปแล้ว 4 พื้นที่ ได้แก่ ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์, สมุย พลัส โมเดล, กระบี่ และพังงา โดยตัด จ.บุรีรัมย์ ออกจากการเป็นพื้นที่นำร่องแล้ว เนื่องจากเดิมที่เลือกเป็นจังหวัดนำร่องเปิดรับต่างชาติก่อน เพราะมีเงื่อนไขผูกกับการจัดงานโมโต จีพี เมื่อเลื่อนการจัดงานไปแล้ว ก็เท่ากับไม่มีเงื่อนไขผูกพันพิเศษ

นายพิพัฒน์ กล่าวต่อว่า ส่วนจังหวัดที่จะพิจารณามาแทนนั้น เบื้องต้นวางไว้ที่ จ.ระยอง จันทบุรี และตราด เน้นในพื้นที่เกาะเป็นหลัก เนื่องจากดูแลง่าย และมีเกาะท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวต่างชาติสูงมากด้วย อาทิ เกาะช้าง ซึ่งขณะนี้ทำมาตรฐานการปฏิบัติ (เอสโอพี) เสร็จแล้ว และคนในพื้นที่ได้รับวัคซีนเกือบครบ 70% แล้ว รวมถึงเกาะกูด เกาะมันนอก เกาะเสม็ด ที่มีจำนวนประชากรในพื้นที่ไม่มาก การฉีดวัคซีนให้ได้ตามสัดส่วนสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ จึงไม่น่าจะยากมากนัก

“โดยเงื่อนไขหลักในการเปิดพื้นที่นำร่อง ยังเน้นย้ำเงื่อนไขสำคัญตามเดิม คือ คนในพื้นที่ต้องได้รับวัคซีนไม่ต่ำกว่า 70% ของจำนวนประชากรรวม และคนในชุมชนจะต้องเห็นด้วยและยอมรับการเปิดพื้นที่ดังกล่าว หากทำได้ถือว่ามีความพร้อมเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติจริงๆ” นายพิพัฒน์ กล่าว