พาณิยช์จับมือพันธมิตรติวเข้มโชห่วย 3.5 พันราย



  • จูงมือกูรูลงพื้นที่ 4 ภาคทั่วประเทศตลอดเม.ย.-ก.ย.นี้
  • สอนบริหารจัดการร้านให้ทันสมัย สะอาด หยิบของง่าย
  • หวังเพิ่มขีดแข่งขันให้สู้ศึกยักษ์ค้าปลีกได้ในระยะยาว

นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในปี 64 กรมจะร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตร ลงพื้นที่ให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการโชวหวยท้องถิ่น ภายใต้กิจกรรม “พัฒนาศักยภาพร้านค้าปลีกสู่การเป็นสมาร์ทโชห่วย” ระหว่างเดือนแม.ย.-ก.ย.นี้ ครอบคลุมทั้ง 4 ภาคทั่วประเทศ โดยพิจารณาจากจังหวัดที่มีร้านค้าที่สมัครเข้าร่วมโครงการสมาร์ทโชห่วยกับกรมในปี 63 เป็นจำนวนมาก เช่น เชียงใหม่ ลพบุรี ฉะเชิงเทรา ปทุมธานี ชัยภูมิ กาฬสินธุ์ อุบลราชธานี หนองบัวลำภู สงขลา พังงา เป็นต้น และได้กำหนดกลุ่มเป้าหมายไว้จำนวน 3,500 ราย

“ในการลงพื้นที่ กรมจะนำผู้เชี่ยวชาญไปให้ความรู้ และแลกเปลี่ยนมุมมองในเรื่องที่มีความจำเป็นต่อการประกอบธุรกิจ เรื่องบัญชี/ภาษี การปรับปรุงร้านค้าให้ทันสมัย สวยงาม สะอาด และมีความสะดวกสบายในการเลือกหาสินค้า เพื่อดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการภายในร้าน”   

ขณะเดียวกัน จะสอนเทคนิคเบื้องต้นในการสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคละแวกร้านค้า ซึ่งสามารถดำเนินการได้ด้วยตนเอง หรืออาศัยลูกหลานที่เป็นคนรุ่นใหม่เก็บข้อมูล เพื่อให้เข้าถึงความต้องการสินค้าของลูกค้าได้อย่างแท้จริง ก่อนนำสินค้าเข้ามาจำหน่ายภายในร้าน ทำให้ไม่ต้องสต๊อกสินค้าเกินความจำเป็น โดยสินค้าที่ได้รับความสนใจน้อย หรือไม่ได้รับความสนใจเลย ก็ไม่จำเป็นต้องนำมาจำหน่าย เป็นการลดต้นทุนการประกอบธุรกิจ ทำให้ร้านค้าโชห่วยมีสินค้าที่เข้าคอนเซ็ปต์ “ซื้อง่าย ถูกใจ ใกล้บ้าน” ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการโชห่วยท้องถิ่นสามารถแข่งขันได้ในระยะยาว 

นอกจากนี้ ยังจะมีการส่งเสริมการจำหน่ายสินค้าราคาพิเศษ จากผู้ผลิตและผู้แทนจำหน่ายชุมชน ระบบบริหารจัดการหน้าร้าน (พีโอเอส) สถาบันการเงิน รวมทั้งบริการเสริมเพิ่มรายได้ให้แก่ร้านค้า เช่น ตู้น้ำดื่ม ตู้เติมเงิน และการบริการจัดส่งสินค้า (เดลิเวอรี) ฯลฯ เป็นต้น  

นายทศพล กล่าวอีกว่า ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 กรมได้จัดกิจกรรมพัฒนาศักยภาพร้านโชห่วยสู่การเป็นสมาร์ทโชห่วย โดยได้จัดหลักสูตร e-learning “จากร้านธรรมดา มาเป็น สมาร์ทโชห่วย ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับการบริหารจัดการร้านค้าปลีก บัญชี กฎหมายและภาษีที่เกี่ยวข้องกับร้านค้า ความยาว 3 ชั่วโมง โดยเมื่อเรียนจบหลักสูตร ผู้ประกอบการจะได้รับประกาศนียบัตรออนไลน์ และคู่มือความรู้ 3 เล่ม ผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนเรียนได้ฟรีที่ dbdacademy.dbd.go.th

“มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ทั้งบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ, คนละครึ่ง, เราชนะ, ม33เรารักกัน  ทำให้มีผู้สนใจเปิดร้านโชห่วยเพิ่มขึ้นจำนวนมาก และกระตุ้นให้มูลค่าการตลาดของธุรกิจค้าส่งค้าปลีกไทยเติบโตแบบก้าวกระโดด โดยในปี 63 มีมูลค่าสูงถึง 2 ล้านล้านบาท และคาดว่าในปี 64 จะมีมูลค่าที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นโอกาสสำคัญสำหรับร้านโชห่วยท้องถิ่นในการเร่งพัฒนาร้านค้า และนำระบบเทคโนโลยีเข้ามาช่วยกระตุ้นยอดขาย ลดต้นทุน เพราะคาดว่า รัฐบาลจะมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจระดับพื้นฐาน ปัจจุบัน ไทยมีร้านโชห่วยขนาดกลาง 18,735 ร้านค้า และ โชห่วยขนาดเล็กอีก 400,000 ร้านค้า”