- งวดนี้จ่ายให้ชาวนาปลูกข้าวแค่3ชนิด
- ข้าวหอมนอกพื้นที่-เหนียวไม่ได้เหตุราคาตลาดสูง
- ยันแนวโน้มรัฐจ่ายน้อยลงเพราะราตาข้าวขาขึ้น
นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 21 ก.พ.63 คณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ได้พิจารณาการชดเชยส่วนต่างระหว่างราคาประกันรายได้กับราคาเกณฑ์กลางอ้างอิง โดยมีมติให้จ่ายเงินส่วนต่างงวดที่ 16 ให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวจำนวน 3 ชนิด คือ ข้าวเปลือกเจ้า ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี และข้าวเปลือกหอมมะลิ ส่วนข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ และข้าวเปลือกเหนียว ไม่จ่ายชดเชยส่วนต่าง เพราะราคาตลาดสูงกว่าราคาประกัน
สำหรับการชดเชยส่วนต่าง เกษตรกรที่แจ้งเก็บเกี่ยวระหว่างวันที่ 16-22 ก.พ.63 จะได้รับการชดเชย ดังนี้ ข้าวเปลือกเจ้า ราคาอ้างอิงเฉลี่ยตันละ 8,247.13 บาท ได้รับส่วนต่างชดเชยตันละ 1,752.87 บาท , ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ราคาอ้างอิงตันละ 10,040.09 ได้รับชดเชยตันละ 959.91 บาท , ข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคาอ้างอิงตันละ 14,670.60 ได้รับชดเชยตันละ 329.40 บาท ส่วนข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ราคาอ้างอิงตันละ 14,008.24 บาท ไม่ได้รับชดเชย และราคาข้าวเปลือกเหนียว ตันละ 17,519.27 บาท ไม่ได้รับชดเชยเช่นกัน
“การจ่ายเงินส่วนต่างงวดที่ 16 รัฐจ่ายชดเชยลดลง มีข้าวที่ต้องจ่ายเพียง 3 ชนิด แต่จริงๆ จ่ายแค่ 2 ชนิด เพราะข้าวเปลือกหอมมะลิ ไม่มีเกษตรกรแจ้งระยะเวลาเก็บเกี่ยวในงวดนี้ จึงเหลือเกษตรกรที่ปลูกข้าวเจ้ากับข้าวหอมปทุมธานี 7,111 ครัวเรือน ที่จะได้รับชดเชย มีวงเงินชดเชยประมาณ 50 ล้านบาท โดยข้าวเปลือกเจ้าจะได้รับชดเชยสูงสุดรวม 52,586.10 บาท และข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ได้เงินรวม 23,997.75 บาท”
ทั้งนี้ รัฐบาลได้ประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวเปลือก 5 ชนิด ได้แก่ ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 15,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 14 ตัน, ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ตันละ 14,000 บาท ครัวเรือนละ 16 ตัน, ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 10,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 30 ตัน, ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 11,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 25 ตัน และข้าวเปลือกเหนียว ตันละ 12,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน