

- เหตุต้นทุนผลิตยังคงเดิมทั้งราคาน้ำมัน-ค่าบาท
- ขณะที่กำลังซื้ออ่อนแรง-ผู้ค้าแข่งทำโปรโมชั่น
- รุกเชื่อมโยงสินค้าจากซัปพลายเออร์สู่ร้านโชห่วย
นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงสถานการณ์ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคปี 64 ว่า ประเมินว่า ปีหน้า สถานการณ์ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคยังคงทรงตัวจากปีนี้ และไม่น่ามีแรงกดดันทำให้ผู้ประกอบการต้องขอปรับขึ้นราคาขาย เพราะจากการประเมินปัจจัยที่เป็นต้นทุนการผลิตโดยรวม พบว่า ราคายังไม่น่าปรับขึ้น โดยราคาน้ำมัน คาดจะทรงตัวในระดับที่ไม่น่ากังวล เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังไม่คลี่คลาย และเศรษฐกิจโลกคาดจะยังไม่ฟื้นตัว ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันลดลง ส่วนค่าเงินบาทที่มีผลต่อการนำเข้าวัตถุดิบบางส่วนนั้น คาดว่าจะไม่ต่างจากปีนี้ คือ มีอัตราไม่แข็งค่า หรืออ่อนค่าเกินไป สามารถดูแลได้
ขณะที่กำลังซื้อประชาชน แม้จะค่อยๆ ฟื้น แต่โดยรวมยังมีความอ่อนไหวจากสภาพเศรษฐกิจอยู่มากท่ามกลางการแข่งขันทางการค้าที่ยังสูงอยู่ จึงประเมินเบื้องต้นว่า ปีหน้าแรงกดดันเพื่อขอปรับราคาสินค้าจากปัจจัยการผลิตและการตลาดไม่น่าจะเกิดขึ้น แต่กรมจะติดตามผลกระทบปัจจัยการผลิตสินค้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้สร้างผลกระทบต่อราคาสินค้า และกระทบต่อผู้บริโภคได้
“เรายังยึดนโยบายไม่ให้ขึ้นราคาสินค้าต่อไป ซึ่งได้พูดคุยกับทั้งผู้ผลิต และซัปพลายเออร์อย่างต่อเนื่องเพื่อประเมินสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม แม้กำลังซื้อประชาชนยังฟื้นตัวไม่มากนัก แต่ปรากฎการณ์หนึ่งที่พบขณะนี้คือ ยอดขายของร้านโชห่วยเพิ่มขึ้นสวนทางยอดขายของตลาดค้าปลีก เพราะคนมีเงินลดลง จึงซื้อสินค้าน้อยชิ้นลง”
อย่างไรก็ตาม กรมจะเชื่อมโยงซัปพลายเออร์กับกลุ่มร้านโชห่วยราว 300,000 แห่งทั่วประเทศ ในจำนวนนี้เป็นร้านค้าธงฟ้า 120,000 แห่ง และกรมพร้อมขยายเครือข่ายอย่างต่อเนื่องในปี 64 ซึ่งจะช่วยให้กลไกค้าปลีกดั้งเดิมเข้มแข็งมากขึ้น และช่วยให้ราคาสินค้าไม่ปรับขึ้นได้ เพราะอาจจัดโปรโมชั่นในร้านโชห่วย ดึงกำลังซื้อผู้บริโภค