ผ่านฉลุย… รัฐสภาไฟเขียวรับหลักการร่าง พ.ร.บ. กำหนดเวลาดำเนินงานกระบวนการยุติธรรม



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (8 ก.พ.65) ที่ประชุมร่วมรัฐสภา ที่มี นายพรเพชร วิชิตชลชัย รองประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุม ได้ลงมติรับหลักการของร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กำหนดระยะเวลาดำเนินงานในกระบวนการยุติธรรม พ.ศ. …. ซึ่ง คณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นผู้เสนอ ด้วยคะแนนเสียง เห็นด้วย 607 เสียง ไม่เห็นด้วย 1 เสียง งดออกเสียง 1 เสียง ไม่ลงคะแนนเสียง 3 เสียง โดยมีการตั้งกรรมาธิการวิสามัญพิจารณา จำนวน 35 คน กำหนดแปรญัตติภายใน 15 วัน

ทั้งนี้ ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว เป็นร่างกฎหมายว่าด้วยการปฏิรูปด้านกระบวนการยุติธรรม ที่ต้องกำหนดระยะเวลาดำเนินงานทุกขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมที่ชัดเจน เพื่อให้ประชาชนได้รับความยุติธรรมโดยไม่ล่าช้า มีสาระรวมทั้งสิ้น12 มาตรา มีบทบัญญัติกำหนดให้ 9 หน่วยงาน คือ กระทรวงมหาดไทย, กระทรวงยุติธรรม, กรมพระธรรมนูย, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.), สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.), สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.), ศาล , องค์กรอัการ และ หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมตามที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกา กำหนดร่างพิจารณาในขั้นตอนต่างๆ 

พร้อมกำหนดรายละเอียด อาทิ ให้มีการดำเนินการทางวินัย กับเจ้าหน้าที่มีส่วนเกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรม หากทำงานล่าช้าเกินสมควรแก่เหตุ และไม่มีเหตุสมควร พร้อมให้มีระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือวิธีอื่นที่ทำให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าถึงข้อมูลโดยสะดวก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมาชิกรัฐสภาที่อภิปรายส่วนใหญ่เห็นด้วยในหลักการ แต่ได้เสนอแนะความเห็น ต่อการเพิ่มหน่วยงานที่ต้องถูกบังคับตามร่างกฎหมายดังกล่าว อาทิ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.), สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เป็นต้น พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าเหตุที่ กกต.ไม่ถูกบัญญัติไว้ในร่างกฎหมาย อาจเป็นการจงใจของฝ่ายผู้มีอำนาจที่ต้องการใช้กลไก กกต.ที่กำกับการเลือกตั้ง ประกาศผลการเลือกตั้งไปในทางที่เอื้อประโยชน์ให้ตนเองได้รวมถึงมีข้อเสนอให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม เช่น กรมราชทัณฑ์ กำหนดระยะเวลา หรือ รายละเอียดเกี่ยวกับการเลื่อนชั้นนักโทษ ในคดีร้ายแรง หรือมีผลเสียหายกับประเทศ คดีทุจริต เช่น คดีจำนำข้าว เพื่อป้องกันการเลื่อนชั้นนักโทษที่มีผลต่อการพิจารณาลดโทษที่ไม่เหมาะสม