

- ททท.เปิดบิ๊กเกมชิงนักท่องเที่ยวไฮซีซันตลาดทั่วโลก 4 กลยุทธ์
- ขยายวีซ่า 2ประเภท” จูงใจ 100 ประเทศ+เพิ่มที่นั่งบินเข้าไทย 50%
- หนุนแอร์ไลน์สกระตุ้นการขายแรงๆ+ดึงตลาดเศรษฐี Health Wellness จัดในไทย 4โปรเจ็กต์ใหญ่
- ลุ้นรายได้อินเตอร์ปลายปี’65-ปี’66 เข้าเป้า 1.5 ล้านล้านบาท
ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่าได้วางแผนเร่งเพิ่มรายได้ท่องเที่ยวรับฤดูท่องเที่ยว (high season) ปลายปี 2565 ต่อเนื่องถึงปีงบประมาณ 2566 ให้เข้าเป้าหมายรวมทั้งหมด 1.73-2.38 ล้านล้านบาท โดยเฉพาะ “ตลาดต่างประเทศ” จะทำให้ได้รวม 1.5 ล้านล้านบาท จึงพร้อมเดินหน้าเชิงรุกทันที 4 กลยุทธ์ ประกอบด้วย กลยุทธ์ที่ 1 ขยายวีซ่าให้นักเดินทางต่างประเทศ 2 ประเภท ได้แก่ วีซ่า ผ.30 (Free Visa ) เป็นผ.45 สามารถเดินทางเข้าประเทศไทยโดยไม่ต้องตรวจลงตราและสามารถพำนักอยู่ในไทยได้ไม่เกิน 45 วัน และวีซ่าVOA : Visa on Arrival จาก 15 เป็น 30 วัน ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการศูนย์บริหารสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 (ศบค.) เริ่ม 1 ตุลาคม 2565

ซึ่งจะมีนักเดินทางที่ได้ประโยชน์จากโครงการขยายวีซ่าพำนักในไทยยาวชึ้นจากทั่วโลกเกือบ 100 ประเทศ หวังผลจากตลาดระยะไกล ยุโรป อเมริกา ละตินอเมริกา ขณะนี้ ททท.เห็นสัญญาณตลาดนักท่องเที่ยวต่างประเทศตลาดแถบเอเชียเองก็เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ 5 อันดับแรก คือ อินเดีย สิงคโปร์ มาเลเซีย โดยเฉพาะ สปป.ลาว เที่ยวไทยติดอันดับ 1 ใน 5 แล้ว รวมทั้งนักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลางด้วย
กลยุทธ์ที่ 2 เพิ่มที่นั่งเที่ยวบินระหว่างประเทศ เข้าไทยมากขึ้นตั้งแต่ตุลาคมนี้เป็นต้นไป กลับมาให้ได้ตามนโยบายนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ตั้งไว้ 50 % ผนวกกับมีรายงานของการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กทพ.) ระบุตอนนี้มีความถี่และจำนวนที่นั่งเที่ยวบินกลับเข้าไทยแล้ว 30.9 % ของปี 2562 ระหว่างนี้ ททท.สำนักงานทั่วโลก 29 แห่ง ด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ ยุโรป อเมริกา เร่งหารือกับทุกสายการบินเพื่อหาช่องทางเพิ่มความถี่ (frequency)และจำนวนที่นั่ง (seat capacity) หรือเคลียร์ slot การบินช่วงตารางบินฤดูหนาว เริ่มตุลาคม 2565 – 28 มีนาคม 2566

ขณะนี้มีข่าวดีทางสายการบิน “โคเรียนท์ แอร์” กับ “การบินไทย” ยืนยันเตรียมเพิ่มความถี่เที่ยวบินและจำนวนที่นั่งบรรทุกผู้โดยสารเข้าเมืองไทยในช่วงตารางบินฤดูหนาวเดือนตุลาคม 2565 เป็นต้นไป ททท.จะพยายามทำให้มีนักท่องเที่ยวต้องการเดินทางเข้าไทยต่อเนื่องเพื่อสร้างความมั่นใจแก่สายการบินนำที่นั่งกลับมาบริการตามเป้าหมาย50 %
กลยุทธ์ที่ 3 ททท.ร่วมสนับสนุนสายการบินต่าง ๆ กระตุ้นและส่งเสริมการขายในช่วงฤดูหนาวปลายปีนี้ 2 ช่องทาง คือ1.ช่วยทำการตลาดเพื่อให้สายการบินมีอัตราบรรทุกผู้โดยสารตามเป้าหมายในเส้นทางบินที่จะฟื้นกลับมาบิน2.สนับสนุนทำเที่ยวบินเช่าเหมาลำ (charter flight) ก่อนเพื่อปูพรมสร้างความมั่นใจด้านการตลาดผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวมีจำนวนมากเพียงพอกับการลงทุน นำร่องในยุโรป พื้นที่แรกทางฝั่งตะวันออกของรัสเซีย จากไซบีเรียประหยัดเวลามากว่าบินตรงจากมอสโก พื้นที่สอง สาธารณรัฐประชาชนจีนบางเมือง หรืออินเดีย
กลยุทธ์ที่ 4 ขยายฐาน “นักท่องเที่ยวตลาดคุณภาพกำลังการใช้จ่ายเงินสูง” เริ่มปีงบประมาณ 2566 เดือนตุลาคมนี้รุกเจาะกลุ่มท่องเที่ยวเชิงสุขภาพองค์รวม หรือ Health and Wellness ททท.ต้องทำงานด้านผู้ผลิตสินค้าร่วมกับผู้ประกอบการธุรกิจ และหน่วยงานเกี่ยวข้องทำอย่างเต็มที่เริ่ม 4 โครงการหลัก ได้แก่

โครงการที่ 1 Andaman Wellness Corridor ททท.จะทำร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ผลักดันสร้างจังหวัดในกลุ่มทะเลอันดามัน ภูเก็ต พังงา กระบี่ ให้กลายเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพระดับโลก หรือ World Class Destination
โครงการที่ 2 สนับสนุนการจัดงาน Specialised Expo 2028 Phuket Thailand เพื่อยกระดับท่องเที่ยวเชิงสุขภาพสู่เมืองต้นแบบ Medical Wellness Hub โดย ททท.ได้รับหน้าที่ทำประชาสัมพันธ์เพิ่มศักยภาพให้ประเทศไทย
โครงการที่ 3 ทำงานภายใต้สมุดปกขาว White Paper ทางรัฐบาลไทยกับซาอุดิอาระเบีย หลังจากพลเอกประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินทางไปฟื้นความสัมพันธ์กับซาอุดิอาระเบียเมื่อมกราคม 2565 ได้ข้อตกลงทำโครงการRed Sea Project ใกล้เมือง Al-Ula พัฒนาหมู่เกาะริมชายฝั่งทะเลแดงในมณฑล Tabouk ซาอุดิอาระเบีย โดยไทยพยายามจะทำคู่ขนานกับเมืองสุขภาพกับภูเก็ต ขณะนี้อยู่ระหว่างหารือร่วมกัน
โครงการที่ 4 ร่วมผลักดันจัดงาน Global Wellness Summit ของ Global Summit Institute เป็นเจ้าภาพ รวมคนที่เกี่ยวข้องกับเวลเนสทั้งโลก ททท.หวังมีความหวังจะจัดให้ได้ภายในปี 2566
ททท.เดินหน้าสร้างความต่อเนื่องเชิงนโยบายด้วยวิธีเปลี่ยนแปลงซัพพลายให้สอดคล้องกับความต้องการของนักท่องเที่ยวตลาดเฉพาะ ซึ่งจะต้องใช้เวลา ผนวกกับความตั้งใจ ประเทศไทยสามารถเดินหน้าได้ตามข้อมูลทั้ง 4 โครงการข้างต้น โอกาสที่จะเห็นการผลักดันให้เกิดเป็นรูปธรรมในเร็ว ๆ นี้
ดร.ยุทธศักดิ์ กล่าวเพิ่มถึงแผนขับเคลื่อนโครงการขออนุมัติงบประมาณ Booster Shot จะอัดฉีดกระตุ้นการท่องเที่ยวหลังโควิด-19 คลี่คลาย หลังจากรัฐมนตรีพิพัฒน์ รัชกิจประการ นำทีมเข้าพบนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม2565 ขณะนี้อยู่ระหว่างส่งเรื่องให้สภาพัฒน์พิจารณารายละเอียดโครงการในฐานะผู้ดูแลการอนุมัติใช้เงินกู้ของรัฐบาล
ขณะนี้ รม.พิพัฒน์ รัชกิจประการ ย้ำว่าไม่ต้องรอเพราะอาจจะไม่ทันสถานการณ์ เพราะเป้าหมายการทำบู๊สเตอร์ช็อตต้องการกระตุ้นตลาดการท่องเที่ยวช่วงปลายปี 2565 ตามขั้นตอนจะต้องรีบขายก่อนนักท่องเที่ยวตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยวตามประเทศต่าง ๆ ดังนั้น ททท.อาจจะต้องมองหาเงินจากช่องทางอื่นเข้ามาใช้ก่อน เช่น ปรับงบประมาณปี2566 ที่จะเริ่มใช้ในเดือนตุลาคม 2565 เร่งรัดนำที่จะใช้ไตรมาส 2 หรือ 3 ก็จะขยับนำมาใช้เร็วขึ้นก็ได้

สำหรับเงินบู๊สเตอร์ ช็อต เดิม ททท.เสนอไว้กว่า 1,000 ล้านบาท ก็อาจจะต้องพิจารณให้เหมาะสมกับสถานการณ์ด้วยความตั้งใจ ททท.ต้องการจะทำให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวฟื้นเศรษฐกิจได้เร็วที่สุดตามนโยบายรัฐบาล รวมทั้งจะวางรากฐานทำให้ปี 2566 มีรายได้ไม่น้อยกว่า 80 % ของปี 2562
ขณะนี้ไทยกำลังเข้าสู่ฤดูที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกให้ความสนใจจะเดินทางมาท่องเที่ยวมาก เช่น ญี่ปุ่น นอกจากฮาวายแล้วไทยก็เป็นทางเลือกอันดับ 1 ดังนั้นจะต้องร่วมมือกันตอบความคาดหวังของนักท่องเที่ยวด้วยมาตรฐานบริการอย่างมีคุณภาพ เพิ่มประสบการณ์เชิงบวกโดยเฉพาะการนำจุดขายของพลัง Soft Power ทั้งเรื่องอาหาร เทศกาลงานกิจกรรมต่าง ๆ สร้างสรรค์หาวิธีทำให้นักท่องเที่ยวมาแล้วกลับมาประเทศซ้ำ ๆ อีกครั้ง ร่วมกันใช้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือฟื้นเศรษฐกิจประเทศให้กลับมาสดใสในอนาคตต่อไป
เรื่องโดย…#เพ็ญรุ่งใยสามเสน #gurutourza, www.facebook.com/penroongyaisamsaen