

- บางจากต้อนรับเอกอัครราชทูตไทยกรุงออสโล เยี่ยมชมแท่นผลิตปิโตรเลียม Draugen ของ OKEA ASA กลางทะเล
- เสริมแกร่งร่วมมือทวิภาคีไทย-นอร์เวย์เชื่อมนโยบาย Green Transitionกับ BCG economy
นางกลอยตา ณ ถลาง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานสื่อสารองค์กรและกิจการเพื่อความยั่งยืน บริษัท บางจากคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บางจากร่วมกับ Mr. Svein J. Liknes ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท OKEA ASA ต้อนรับ นางสาววิมลพัชระ รักษาเกียรติ เอกอัครราชทูต ประจำกรุงออสโล นอร์เวย์ และคณะในโอกาสเยี่ยมชมและศึกษาการปฏิบัติงานที่แท่นผลิตปิโตรเลียมดรอเก้น (Draugen)ในทะเลนอร์เวย์ ของบริษัท OKEA ASA ซึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจสำรวจและผลิตน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ออสโล และเป็นธุรกิจต้นน้ำด้านทรัพยากรธรรมชาติรวมถึงเป็นธุรกิจใหม่ของกลุ่มบริษัทบางจากด้วยและเป็นหนึ่งในธุรกิจของกลุ่มบริษัทบางจากในประเทศที่ได้การยอมรับว่ามีมาตรฐานด้านการดูแลสิ่งแวดล้อมดีสุดในโลกประเทศหนึ่งด้วย
โครงการนี้บางจากฯ ได้ร่วมลงทุนและถือหุ้นหลักในบริษัท OKEA ASA ซึ่งเป็นธุรกิจสำคัญที่จะสร้างการเติบโตในระยะยาวในกลุ่มบริษัทบางจาก ซึ่งการเยี่ยมชมกิจการแท่นผลิตปิโตรเลียมดรอเก้นของเอกอัครราชทูตไทยและคณะจะเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ไทย-นอร์เวย์ ช่วยผลักดันความร่วมมือทวิภาคีเชื่อมโยงนโยบาย Green Transition ของนอร์เวย์กับนโยบาย Bio-Circular-Green (BCG) economy ของไทย


ทั้งนี้ OKEA ASA เป็นผู้นำดำเนินการแหล่งปิโตรเลียมระยะกลางและปลายบนพื้นที่ไหล่ทวีปของนอร์เวย์ หรือNorwegian Continental Shelf ผ่านกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นเสริมสร้างการเติบโต สร้างมูลค่า และเคร่งครัดวินัยด้านเงินทุน เพื่อขยายอายุสินทรัพย์ให้ยาวนานขึ้นจากแผนเดิม บางจากได้ลงทุนใน OKEA ASA ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี รวมทั้งได้ยึดเป็นต้นแบบขยายการลงทุนเพิ่มเติมเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานเพื่อความยั่งยืนในอนาคตของโลกด้วย
ทั้งนี้ นอร์เวย์เป็นประเทศที่มียอดการใช้รถไฟฟ้าสูงสุดในโลกเมื่อเทียบกับจำนวนประชากร
โดยพลังงานไฟฟ้าทั้งหมดที่ใช้ในประเทศมาจากแหล่งพลังงานสะอาด ในขณะที่พลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิลผลิตเพื่อส่งออก และเป็นประเทศที่ได้รับการยอมรับว่ามีมาตรฐานด้านการดูแลสิ่งแวดล้อมดีที่สุดในโลกประเทศหนึ่ง โดยมีแผนจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงร้อยละ 50-55 ภายในปี ค.ศ. 2030 (พ.ศ. 2573) และเป็นสังคมที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกปริมาณต่ำภายในปี ค.ศ. 2050 (พ.ศ. 2593) ทำให้ผู้ประกอบธุรกิจพลังงานของนอร์เวย์พยายามรักษามาตรฐานการผลิตให้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นได้


เรื่องโดย…#เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน #gurutourza,www.facebook.com/penroongyaisamsaen