บอลยูโร 2020 หงอย! คนไทยเซ็งโควิดระบาดไม่เลิก



  • ทำเงินสะพัดแค่ 6.2 หมื่นล้าน ต่ำสุดในรอบ 10 ปี
  • ส่วน “ยิ่งใช้ยิ่งได้” กระตุกเศรษฐกิจน้อยแนะปัดฝุ่น “ช้อปดีมีคืน”
  • นักวิชาการเร่งรัฐกระจายฉีดวัคซีน-ใช้มาตรการกระตุ้นมีประสิทธิภาพ

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี และประธานที่ปรึกษา ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายของประชาชนในช่วงฟุตบอลยูโร 2020 ที่สำรวจตัวอย่าง 1,200 คนทั่วประเทศ วันที่ 15-18 มิ.ย.64 ว่า คาดจะมีมูลค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 62,440 ล้านบาท ลดลง 20.3% เมื่อเทียบกับฟุตบอลโลก 2018 ที่ใช้จ่าย 78,386 ล้านบาท เป็นมูลค่าต่ำสุดในรอบ 10 ปี นับจากฟุตบอลโลก 2010 ที่มีการใช้จ่าย 59,700 ล้านบาท

โดยมูลค่าใช้จ่ายที่ 62,440 ล้านบาท แบ่งเป็น 2 ส่วนคือ การใช้จ่ายในระบบเศรษฐกิจ 15,202 ล้านบาท ลดลง 15.1% จากฟุตบอลโลก 2018 ที่ใช้จ่ายในระบบ 17,902 ล้านบาท ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ หรือต่ำสุดในรอบ 15 ปีนับจากเริ่มสำรวจมาตั้งแต่ฟุตบอลโลก 2006 และเป็นการใช้จ่ายนอกระบบ (พนันบอล) อีก 45,840 ล้านบาท ลดลง 22.3% เทียบกับฟุตบอลโลก 2018 ที่มีเงินพนัน 58,996 ล้านบาท

“บอลยูโร 2020 มีผลช่วยกระตุ้นการจับจ่าย และเศรษฐกิจไม่ได้มากนัก เพราะมีเงินเข้าสู่ระบบเพียง 15,200 ล้านบาท แม้จะมีเงินจากการเล่นพนันมากถึงกว่า 45,000 ล้านบาท แต่ส่วนใหญ่เป็นการนเล่นพนันออนไลน์กับเว็บไซต์ ที่มีเซิร์ฟเวอร์อยู่ต่างประเทศ เงินก็จะโอนออกไปต่างประเทศ อาจมีบางส่วน หรือราว 10,000-15,000 ล้านบาทตกอยู่ในประเทศ ซึ่งเมื่อรวมๆ แล้ว ครั้งนี้ อาจมีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบจริงราวๆ 30,000 ล้านบาท มีผลทำให้เศรษฐกิจไทยไตรมาส 3 เพิ่มขึ้นได้ 0.3% หรือทำให้ทั้งปี เพิ่มขึ้นได้อีก 1%”

นายธนวรรธน์ กล่าวต่อว่า ประเด็นสำคัญขณะนี้คือ การเร่งกระจายการฉีดวัคซีน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้พร้อมเปิดประเทศภายใน 120 วัน คือ เร่งฉีดภายในเดือนก.ค.-ก.ย.นี้ ยิ่งฉีดมากยิ่งมั่นใจมาก จากปัจจุบัน ยังเห็นภาพคนติดเชื้อมากถึงวันละ 3,000-4,000 คน จากเดิมที่คาดยอดคนติดเชื้อจะค่อยๆ ลดลงเหลือไม่ถึงวันละ 1,000 คน

นอกจากนี้ ยังต้องออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่มีประสิทธิภาพมากพอ แต่มาตรการคนละครึ่ง และยิ่งใช้ยิ่งได้ ที่มีผู้ลงทะเบียนน้อย อาจเป็นเพราะคนละครึ่ง มีเม็ดเงินที่รัฐให้น้อยไปเพียง 1,500 บาท ภาคเอกชนจึงเสนอให้รัฐเพิ่มเงินให้เป็น 3,000 บาท  ส่วนยิ่งใช้ยิ่งได้ ที่คนอาจเห็นว่า การใช้ยุ่งยาก และไม่ต้องการใช้สิทธิ์ ภาคเอกชนจึงเสนอให้รัฐบาลปัดฝุ่น “ช้อปดีมีคืน” มากกว่า เพราะมีผลกระตุ้นนเศรษฐกิจได้ดีกว่า เร็วกว่า  

“ส่วนภูเก็ต แซนด์บอกซ์ จะเป็นจุดสำคัญในการเปิดประเทศ ถ้าทำสำเร็จ รัฐก็จะขายผลไปยังพื้นที่อื่น เมื่อประกอบกับ รัฐเร่งฉีดวัคซีนให้พร้อมเปิดประเทศใน 120 วันแล้ว อาจทำให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาไทยในช่วงไตรมาส 4 เพิ่มขึ้น จากปกติที่มีเข้ามา 9-10 ล้านคน ถ้าดึงเข้ามาได้เพียง 1% หรือ 1 ล้านคน ก็จะมีเม็ดเงินเข้ามาใช้จ่ายถึง 50,000-60,000 ล้านบาท ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้เพิ่มขึ้น 0.2-0.3% และทั้งปีจะขยายตัวได้มากกว่า 2% จากเดิมที่สภาพัฒน์คาด ไตรมาส 4 จะเข้ามา 500,000 คน มีเงินใช้จ่าย 25,000 ล้านบาท”