บอร์ด ปตท. รับทราบผลประกอบการ รายได้ส่งรัฐ อนุมัติเงินปันผล พร้อมบริจาคเงินเข้ากองทุนประชารัฐสวัสดิการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้กับประเทศ



  • ผลประกอบการปี62ปตท.กวาดรายได้2.2ล้านล้านบาท
  • แจงผลกำไร9.2หมื่นล้านบาทลดลง22%
  • เศรษฐกิจโลก-สงครามการค้ารุมกระหน่ำ
  • ต้ังเป้าลงทุน5ปีรวม1.8แสนล้านบาท


นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ปตท. ได้รับทราบผลการดำเนินงาน ปตท. และได้อนุมัติการจ่ายเงินปันผลประจำปี 2562 โดย ปตท. และบริษัทย่อยมีรายได้จาก การขายและให้บริการรวม 2.2 ล้านล้านบาท และมีกำไร92,951 ล้านบาท คิดเป็น4.2 %ของรายได้ ปรับลดลง 22 %เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ตามสภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว เนื่องมาจากผลกระทบของสงครามทางการค้าโลก ทำให้ความต้องการของผู้บริโภคชะลอตัวและส่งผลให้ส่วนต่างราคาน้ำมันสำเร็จรูปและราคาน้ำมันดิบ และส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบของผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีปรับลดลง
ประกอบกับปัจจัยภายในประเทศ เงินบาทที่แข็งค่าอย่างต่อเนื่องส่งผลกระทบต่อการส่งออกและอุตสาหกรรมทั้งภาคการผลิตและภาคขนส่ง ส่งผลให้ปริมาณความต้องการพลังงานและผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีไม่เติบโตตามเป้าหมาย รวมถึงปริมาณการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีและการกลั่นที่ลดลงจากการหยุดซ่อมบำรุงขนาดใหญ่ประจำงวดตามแผนของกลุ่มปิโตรเคมีและการกลั่น และค่าใช้จ่ายชดเชยพนักงานเพิ่มเติมโดยเปลี่ยน การคิดค่าจ้างอัตราสุดท้ายจาก 300 วันเป็น 400 วันตามประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ และ พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงานฉบับใหม่ ส่งผลให้กลุ่ม ปตท. มีค่าใช้จ่าย 4,219 ล้านบาท

ล่าสุดบอร์ด ปตท. จึงได้อนุมัติการบริจาคเงินเข้ากองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม ในรูปแบบส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้มจำนวน 50 บาท/คน/เดือน เป็นระยะเวลา 3 เดือน ในเดือนเม.ย.-มิ.ย.นี้ รวม 30 ล้านบาท ล่าสุดปตท . ได้เตรียมแผนการลงทุนในปี 2563 – 2567 รวม 180,814 ล้านบาท และจัดเตรียมงบลงทุนในอนาคต (Provisional Capital Expenditure) ในระยะ 5 ปีข้างหน้า จำนวน 203,583 ล้านบาท
“ ท่ามกลางความไม่แน่นอนของปัจจัยภายนอกและภายในที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการดำเนินธุรกิจให้เป็นไปตามเป้าหมาย กลุ่ม ปตท. ได้แสวงหาโอกาสในขยายการลงทุนในระบบโครงสร้างพื้นฐานก๊าซธรรมชาติรองรับการเติบโตของการผลิตไฟฟ้า การขยายธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศผ่านการร่วมลงทุนหรือการซื้อกิจการ รวมถึงการปรับพอร์ทการลงทุนโดยขยายการลงทุนไปสู่ธุรกิจต่างๆ ตลอดห่วงโซ่คุณค่าตามทิศทางกลยุทธ์การลงทุนที่สอดรับกับแนวโน้มอนาคตไปสู่พลังงานสะอาดและผลิตภัณฑ์เคมีมูลค่าสูง และช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนของราคาตลาดโลกต่อผลประกอบการของกลุ่ม ปตท. “

นอกจากนี้ ในปีที่ผ่านมาได้ผลักดันมาตรการปรับปรุงผลประกอบการอย่างต่อเนื่องด้วยการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายอย่างเหมาะสมและเกิดประโยชน์สูงสุด ส่งผลให้งบดำเนินการลดลงร้อยละ 17 %เมื่อเทียบกับเป้าหมาย ลดต้นทุนการผลิตเพื่อรักษาความสามารถในการทำกำไร เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานด้วยการนำระบบดิจิทัลมาใช้ บริหารความเสี่ยงราคา และบริหารทรัพย์สินให้เกิดประโยชน์สูงสุด นอกจากนั้นผลประกอบการส่วนเพิ่มโดยหลัก มาจากการเข้าซื้อบริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน) หรือโกลด์ ของ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือจีพีเอสซี รวมถึงธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมเพิ่มขึ้นจากปริมาณขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจากการเข้าซื้อสัดส่วนการลงทุนเพิ่มในโครงการบงกช และการเข้าซื้อกิจการของบริษัท Murphy Oil Corporation และบริษัท Partex Holding B.V. ของ บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (PTTEP)
ขณะเดียวกัน กำไรสุทธิของ ปตท. 92,951 ล้านบาท โดยหลักมาจากกำไรของธุรกิจก๊าซธรรมชาติคิดเป็นสัดส่วน 33% ธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมสัดส่วน34% และธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นสัดส่วน 9 %ในขณะที่กำไรจากธุรกิจอื่นๆ รวมถึงธุรกิจน้ำมันและค้าปลีก ธุรกิจการค้าระหว่างประเทศมีสัดส่วนรวมกัน24% ทั้งนี้กำไรในส่วนของธุรกิจก๊าซธรรมชาติ และธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นปรับลดลง เนื่องจากธุรกิจโรงแยกก๊าซฯ ราคาขายอ้างอิงราคาปิโตรเคมีซึ่งปรับลดลงมาก ในขณะที่ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ของกลุ่มปิโตรเคมีและการกลั่นปรับลดลงตามสถานการณ์โลกดังกล่าวข้างต้น

จากความพยายามของกลุ่ม ปตท. จึงทำให้ผลประกอบการใกล้เคียงกับที่ประมาณการไว้ ดังนั้นคณะกรรมการ ปตท. จึงได้มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลจำนวน 2 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผล (Payout ratio) ร้อยละ 62.5 ของกำไรสุทธิ และอัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) ที่ร้อยละ 4.5 รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 57,126 ล้านบาท

สำหรับผลประกอบการปี 2562 ซึ่ง ปตท. ได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 0.9 บาทต่อหุ้นแล้วเมื่อเดือนตุลาคม 2562 และคงเหลือเงินปันผล 1.10 บาทต่อหุ้นที่คาดว่าจะจ่ายในเดือนเมษายน 2563 ซึ่งจะต้องได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นของ ปตท. ในวันที่ 10เม.ย.นี้

การจ่ายเงินปันผลจากผลประกอบการปี 2562 ดังกล่าวส่งผลให้กระทรวงการคลังในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่และกองทุนวายุภักษ์จะได้รับเงินปันผล รวมประมาณ 36,145 ล้านบาท เพื่อเป็นเงินงบประมาณของประเทศนำไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม ชุมชนให้แก่ประเทศ สร้างเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจผ่านเงินปันผล 20,981 ล้านบาท ให้นักลงทุนสถาบันและผู้ถือหุ้นรายย่อย1.3 แสนราย