

พร้อมเผยพรรคการเมือง ที่ประชาชนสนับสนุนในวันนี้ส่วนอันดับถัดมามี พิธา-พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์-กรณ์ จาติกวณิช ติดโผด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (27 ธ.ค.63) ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “การสำรวจคะแนนนิยมทางการเมืองรายไตรมาส ครั้งที่ 4” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 20-23 ธันวาคม 2563 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา และอาชีพทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 2,533 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับการสำรวจคะแนนนิยมทางการเมือง โดยการสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างด้วยวิธีแบบง่าย (Simple Random Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่นที่ 97.0%
ทั้งนี้จากการสำรวจ เมื่อถามถึงบุคคลที่ประชาชนจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ พบว่า
อันดับ 1 ที่ 32.10% ระบุว่า ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้
อันดับ 2 ที่ 30.32% ระบุว่า เป็น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะ บริหารงานดีอยู่แล้ว เป็นคนจริงจังกับการทำงานทำงานตรงไปตรงมา มีความซื่อสัตย์ บ้านเมืองสงบไม่วุ่นวาย สามารถตัดสินใจได้เด็ดขาด ช่วยเหลือประชาชนทุกเพศทุกวัยได้อย่างทั่วถึง เหมาะสมให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป และชื่นชอบเป็นการส่วนตัว
อันดับ 3 ที่ 13.46% ระบุว่าเป็น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เพราะมีประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมาได้ดี มีความซื่อสัตย์ เป็นคนตรงไปตรงมา พูดจริง ทำจริง และชื่นชอบเป็นการส่วนตัว
อันดับ 4 ที่ 7.74% ระบุว่าเป็น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ (พรรคก้าวไกล) เพราะ อยากได้คนรุ่นใหม่มาบริหารประเทศ เป็นคนที่มีความคิดที่ทันสมัย และชื่นชอบนโยบายพรรค
อันดับ 5 ที่ 7.50% ระบุว่า เป็น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส (พรรคเสรีรวมไทย) เพราะ เป็นคนตรงไปตรงมา พูดจริงทำจริง มีความซื่อสัตย์ และชื่นชอบเป็นการส่วนตัว
อันดับ 6 ที่ 2.05% ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
อันดับ 7 ที่ 1.65% ระบุว่าเป็น นายกรณ์ จาติกวณิช (พรรคกล้า) เพราะ มีวิสัยทัศน์ที่ดี เป็นคนตรงไปตรงมา มีความซื่อสัตย์ ขณะที่บางส่วนระบุว่า มีความเข้าใจการเมืองทั้งแบบเก่าและแบบใหม่
อันดับ 8 ที่ 1.34% ระบุว่าเป็น นายอนุทิน ชาญวีรกูล (พรรคภูมิใจไทย) เพราะ มีผลงานในการทำงานที่ดีโดยเฉพาะเรื่องโควิด-19 บริหารจัดการงานได้ดี พูดจริง ทำจริง และชื่นชอบเป็นการส่วนตัว
อันดับ 9 ที่ 1.03% ระบุว่าเป็น นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ (พรรคเพื่อไทย) เพราะ ชอบผลงานของพรรคเพื่อไทย ชื่นชอบนโยบายพรรค ขณะที่บางส่วนระบุว่า ชื่นชอบเป็นการส่วนตัว และนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ (พรรคเศรษฐกิจใหม่) เพราะ มีนโยบายพรรคที่ชัดเจนน่าจะช่วยแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ดี และชื่นชอบเป็นการส่วนตัว ในสัดส่วนที่เท่ากัน
1.78% ระบุอื่น ๆ ได้แก่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ (พรรคประชาธิปัตย์) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา(พรรคชาติไทยพัฒนา) นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา (พรรคประชาชาติ) นายชวน หลีกภัย (พรรคประชาธิปัตย์) นายเทวัญ ลิปตพัลลภ (พรรคชาติพัฒนา) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร นายอานันท์ ปันยารชุน
ทั้งนี้เมื่อเปรียบเทียบกับผลการสำรวจคะแนนนิยมทางการเมืองรายไตรมาส ครั้งที่ 3 เดือนกันยายน 2563 พบว่า ผู้ที่ระบุว่า ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ มีสัดส่วนลดลง ซึ่งในขณะที่ผู้ที่ระบุว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา , คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ , นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ , พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส , นายกรณ์ จาติกวณิช , นายอนุทิน ชาญวีรกูลและไม่ตอบ/ไม่สนใจ มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น

อันดับ 1 ที่ 26.49% ระบุว่า ไม่สนับสนุนพรรคการเมืองใดเลย
อันดับ 2 ที่ 23.61% ระบุว่า เป็น พรรคเพื่อไทย
อันดับ 3 ที่ 17.80% ระบุว่า เป็น พรรคพลังประชารัฐ
อันดับ 4 ที่ 14.92% ระบุว่า เป็น พรรคก้าวไกล
อันดับ 5 ที่ 7.46% ระบุว่า เป็น พรรคประชาธิปัตย์
อันดับ 6 ที่ 3.00% ระบุว่า เป็น พรรคเสรีรวมไทย
อันดับ 7 ที่ 2.29% ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
อันดับ 8 ที่ 1.82% ระบุว่า เป็น พรรคภูมิใจไทย
อันดับ 9 ที่ 0.95% ระบุว่า เป็น พรรคกล้า
อันดับ 10 ที่ 0.55% ระบุว่า เป็น พรรคชาติไทยพัฒนา
อันดับ 11 ที่ 0.47% ระบุว่า เป็น พรรคเพื่อชาติ
อันดับ 12 ที่ 0.24% ระบุว่า เป็น พรรคชาติพัฒนา และพรรคประชาชาติ ในสัดส่วนที่เท่ากัน
อันดับ 13 ที่ 0.12% ระบุว่าเป็น พรรครวมพลังประชาชาติไทย
อันดับ 14 ที่ 0.04% ระบุว่าเป็น พรรคประชาชนปฏิรูป
อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบกับผลการสำรวจคะแนนนิยมทางการเมืองรายไตรมาส ครั้งที่ 3 เดือนกันยายน 2563 พบว่า ผู้ที่ระบุว่า ไม่สนับสนุนพรรคการเมืองใดเลย พรรคเพื่อชาติ และพรรครวมพลังประชาชาติไทย มีสัดส่วนลดลงซึ่งในขณะที่ผู้ที่ระบุว่า พรรคเพื่อไทย พรรคพลังประชารัฐ พรรคก้าวไกล พรรคเสรีรวมไทย พรรคภูมิใจไทย พรรคกล้าพรรคชาติไทยพัฒนา และไม่ตอบ/ไม่สนใจ มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น