นายกฯเรียกประชุมครม.เศรษฐกิจรับมือผลกระทบไวรัสโคโรนากระทบเศรษฐกิจไทย



  • “พิพัฒน์”ระงับข้อเสนอเรื่องวีซ่าทั้งหมด
  • “กอบศักดิ์”หันมาบรรเทาผลกระทบให้ภาคธุรกิจ
  • “สมคิด”วอนคนไทยปฏิบัติดีกับนักท่องเที่ยวชาวจีน

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ในที่ประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ(ครม.เศรษฐกิจ)ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน วันที่ 31 ม.ค.นี้ จะยังไม่มีการเสนอยกเว้นการตรวจลงตรา(วีซ่า)สำหรับนักท่องเที่ยวจีน และจะยังไม่เสนอขยายมาตรการยกเว้นค่าวีซ่าหน้าด่านตรวจคนเข้าเมือง (Visa on Arrival)ที่จะหมดวันที่ 30 เม.ย.นี้ออกไป เนื่องจากในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)วันที่ 28 ม.ค.ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม สั่งให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องไปศึกษาผลดี ผลเสียให้ชัดเจนก่อนตัดสินใจอีกครั้ง

“ขณะนี้สถานการณ์เปลี่ยน ตัวอย่างประเทศ มาเลเซียประกาศได้ไม่ออกวีซ่าให้กับชาวจีนที่มาจากเมืองอู่ฮั่น และมณฑลหูเป่ย เป็นการชั่วคราว มีผลทันทีและจะยกเลิกคำสั่งเมื่อสถานการณ์เข้าสู่ปกติ ในส่วนของประเทศไทยเมื่อถึงเวลาก็ต้องมาคุยกันว่าเราจะปกป้องคนไทยอย่างไรให้ปลอดภัยจริงๆต้องมาดูสถานการณ์วันต่อวันด้วยซ้ำ นายกฯก็สั่งให้ดูสถานการณ์วันต่อวันเลย”

สำหรับสถานการณ์นักท่องเที่ยวจีน 1-27 ม.ค.2563 มีนักท่องเที่ยวชาวจีนเขามาไทย 926,460 คน เพิ่มขึ้น3.39% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา แต่ภายหลังมีคำสั่งห้ามบริษัททัวร์จีนจัดนำเที่ยวต่างประเทศ จำนวนนักท่องเที่ยวจีนระหว่างวันที่ 24-27 ม.ค.2563 ลดลงทันที 36.43% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีจำนวน 107,654 คน

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง กล่าวว่า ได้ประสานให้กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ทำแผนที่จะเข้า ครม.เศรษฐกิจใหม่ทั้งหมด จากเดิมที่จะทำการกระตุ้นตลาดท่องเที่ยว ให้เปลี่ยนเป็นการหามาตรการช่วยบรรเทาผลกระทบให้กับผู้ประกอบการในธุรกิจท่องเที่ยวแทน และจะรอให้เหตุการณ์นิ่ง ทราบความเสียหายที่ชัดเจน อาจจะอีก 2 เดือนหรือช่วงเดือนมี.ค. ค่อยนำแผนฟื้นฟูและมาตรการกระตุ้นตลาดท่องเที่ยวเข้าที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจอีกครั้งหนึ่ง สำหรับข้อเสนอของภาคเอกชนท่องเที่ยวที่ต้องการให้ธนาคารพิจารณาผ่อนผันการชำระหนี้สินให้ 6 เดือน ในฐานะที่เป็นนายแบงค์มาก่อน คิดว่าขอความร่วมมือได้แต่ละธนาคารยินดีช่วยอยู่แล้ว เพราะเหตุที่เขาทำธุรกิจไม่ได้ ไม่ใช่เกิดจากเขา ตอนนี้ต้องช่วยให้ทุกคนผ่านไปให้ได้และเรื่องที่ขอให้ตั้งกองทุนหรือสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้ในวงเงิน 10,000 ล้านบาทนั้นจะรับไว้พิจารณา ส่วนเรื่องขอเลื่อนการจ่ายภาษีนิติบุคคลออกไปก่อน ที่จริงนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ก็เคยมอบให้กระทรวงคลังไปคิดเพื่อผ่อนผันให้ธุรกิจขนาดกลางและย่อม

“ท่องเที่ยวถือเป็นเครื่องยนต์เศรษฐกิจสำคัญที่เหลืออยู่ ถ้าเทียบกับตอนเกิดโรคซาร์ คิดว่ากว่าจะกลับมาปกติ อย่างน้อยใช้เวลา 3-4 เดือน และใน ครม.เศรษฐกิจคงต้องหารือผลกระทบที่มีต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือจีดีพี ของปี 2563 ซึ่งเดิมสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือสภาพัฒน์ คาดว่าจะขยายตัว 2.7-3.7% โดยมีค่ากลางที่ 3.2% โดยเอาข้อมูลล่าสุดของไตรมาส 4/2562 มาดูด้วย เพื่อดูว่ามีความจำเป็นต้องเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มอีก 1 ชุดหรือเปล่า เพราะงบประมาณประจำปี 2543 ก็ออกล่าช้าด้วย”

ด้านนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้ให้กระทรวงการคลังคิดล่วงหน้าว่าจะมีมาตรการสนับสนุนการท่องเที่ยวอะไรได้บ้าง โดยเฉพาะการส่งเสริมให้คนไทยเที่ยวกันเองในประเทศในช่วงที่นักท่องเที่ยวต่างชาติชะลอชั่วคราว ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาต้องช่วยกันดูแลเขาอย่างดี ต้องเห็นใจว่าประเทศเขามีปัญหา หากปฏิบัติกับเขาไม่ดี เขาจะไม่มาประเทศเราอีก จึงต้องบริหารจัดการภายในประเทศให้มีประสิทธิภาพที่สุด รัฐบาลจีนมีความเด็ดขาดชัดเจน เชื่อว่าไม่ช้าจะคุมการระบาดของโรคได้ แต่เมื่อคนจีนไปกระจายอยู่ประเทศต่างๆ ก็ต้องช่วยกันดูแลให้ดี อย่าไปปฎิบัติให้เขารู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ซึ่งระบบสาธารณสุขของไทยมีความเข้มแข็ง เราผ่านการระบาดของโรคซาร์และไข้หวัดนก และคุมอยู่มาแล้ว

“ คนไทยต้องออกมาช่วยกันเที่ยวในประเทศ เพื่อช่วยให้ภาคธุรกิจท่องเที่ยวผ่อนคลายและผ่านภาวะมรสุมนี้ไปให้ได้ หากเราร่วมกัน ความเชื่อมั่นก็จะกลับมา ด้านผลกระทบกับจีดีพี อย่าไปดูครึ่งปีแรก ไว้ดูกันครึ่งปีหลัง ตอนนี้เอาครึ่งปีแรกผ่านไปให้ได้ก่อน ปีนี้เพิ่มผ่านไป 1 เดือน ยังมีเวลาอีกเกือบปี ด้านการส่งออกเดือนธ.ค.ที่เพิ่มประกาศออกมาลดลง 1.28% เมื่อแปลงเป็นเงินบาท ติดลบ 9% เพราะเงินบาทแข็งค่า เท่ากับรายได้น้อยลง กำไรลดลง อย่างนี้ธนาคารแห่งประเทศไทยต้องไม่อยู่เฉยแล้ว รัฐบาลไม่สามารถไปแทรกแซงค่าเงินบาทได้ แต่ก็มีการส่งสัญญาณไปที่แบงก์ชาติเป็นระยะๆในเรื่องค่าเงินบาทให้ดูแลให้แข่งขันได้”