

- ชี้ข้อเสนอขุดลำน้ำยม-ลำน้ำปิง ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ
- หวั่นทิศทางน้ำเปลี่ยนเส้นทาง ทำน้ำน้อยกว่าเดิม
- ส่วนการแก้ปัญหาฝุ่นละออง เผยติดปัญหาการทำประชาพิจารณ์
- ต้องจัดการเรื่องการจราจร และรถบางประเภทที่เป็นต้นเหตุ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เปิดเผยถึงมาตรการแก้ปัญหาภัยแล้งว่า รัฐบาลมีแผนและโครงสร้างทั้งหมด แต่บางเรื่องยังติดข้อกฎหมาย เช่น การทำประชาพิจารณ์ ซึ่งบางเรื่องจะเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ก็ได้เร่งรัดเพราะเป็นเพียงช่วงฤดู ทั้งนี้ 4-5 ปี ที่ผ่านมา รัฐบาลได้ดำเนินการมาตลอด จนถึงปีนี้ น้ำที่เก็บมีน้อยและฝนตกน้อย กระทั่งส่งผลทำให้เกิดภัยแล้งตามมา
ทั้งนี้มีหลายฝ่ายเสนอให้ขุดลำน้ำยม ลำน้ำปิง แต่ต้องเข้าใจระบบน้ำนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หากขุดในตำแหน่งที่ผิดเพี้ยนไปจากเดิม น้ำก็จะเปลี่ยนทิศทางการไหล แต่เดิมที่มีน้ำอยู่แล้ว อาจทำให้น้ำไม่มีเลย ถือเป็นสิ่งสำคัญ หลักการตามวิชาการที่จะต้องคิดพิจารณาอย่างรอบคอบ หากทำได้ก็ทำ และหลายคนสงสัยทำไม่รัฐบาลไม่ขุดรอกท้องน้ำให้หมด ซึ่งตนมองว่าจะยุ่งไปกันใหญ่ เพราะเส้นทางจะเปลี่ยนไปหมด จากที่เคยวางแผนไว้ แต่ลงพื้นที่สร้างไม่ได้ น้ำก็ไหลย้อนกลับมา และในหลายพื้นที่ประชาชนก็ไม่ยอมให้ทำ รัฐบาลก็ไปบังคับไม่ได้ แต่ที่ตนคิดว่าเป็นวิธีที่ดีคือการทำแก้มลิง ในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงการแก้ปัญหาฝุ่นขนาดเล็ก หรือ พีเอ็ม 2.5 ว่า ได้เตรียมแผนไว้หมด แต่ยังติดปัญหาของการทำประชาพิจารณ์ อยู่ที่ว่าประชาชนจะร่วมมือในการทำประชาพิจารณ์หรือไม่ ขณะนี้จึงขอให้ย้อนกลับไปดูว่ารถประเภทใดที่เป็นต้นเหตุสร้างมลพิษให้สูงขึ้น หากช่วยกันลดก็จะช่วยแก้ปัญหาได้
“การแก้ปัญหานี้ ต้องแก้ที่การจราจรเป็นหลัก แต่อาจจะกระทบกับประชาชน จึงต้องขอความร่วมมือประชาชนเป็นหลัก ซึ่งขณะนี้ได้นำร่องการดำเนินการที่เชียงใหม่แล้ว และได้มีการจัดทำแอปพลิเคชั่นให้ประชาชนได้รับรู้ปัญหาค่าฝุ่นละออง เพื่อได้ป้องกันตนเองได้