ธุรกิจกอล์ฟตะวันออกเฮ รับเกาหลีจองล้นไฮซีซันปี’65 เผยปี’66 ทัวร์กอล์ฟอินเตอร์ฟื้น 100% ลุยจ้างงานเพิ่มเพียบ



  • ธุรกิจสนามกอล์ฟภาคตะวันออกตีปีก “ตลาดเกาหลี” ล้นไฮซีซัน
  • กลุ่มมีพันธมิตรร่วมทุนทำโรงแรมสนามกอล์ฟโกยลูกค้าก่อนรวยอื้อ
  • สนามปาริชาติฯ ยิ้มรับ 2 ปัจจัยหนุน “แอร์ไลน์” เพิ่มเที่ยวบิน 2,000 คน/วัน
  • “นักกอล์ฟ” ปรับพฤติกรรมใหม่เล่นในไทยตลอดทั้งปี
  • ปี’66 ธุรกิจทัวร์กีฬาฟื้น 100% ลุยจ้างงานเพียบทั้งแคดดี้ พ่อครัว สต๊าฟบริการท่องเที่ยว

นายวิวัฒน์ ปิยะวิโรจน์ รองประธานสนามกอล์ฟ ปาริชาติอินเตอร์เนชั่นแนล กอล์ฟ ลิงค์ ภาคตะวันออก เปิดเผยว่าขณะนี้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยเข้าสู่สถานการณ์เริ่มฟื้นตัวแบบแข็งแรง รวมถึงธุรกิจสนามกอล์ฟภาคตะวันออกคึกคักตามกระแสการท่องเที่ยว โดยเฉพาะสนามปาริชาติฯ เมื่อรัฐบาลมีนโยบายเปิดประเทศ ช่วง 2-3 เดือนมานี้ “ตลาดนักกอล์ฟเกาหลี” เริ่มกลับมาจองใช้บริการหนาแน่นหลายแห่ง ตอกย้ำถึงการฟื้นตัวของทั้งการท่องเที่ยวเชิงกีฬากอล์ฟหรือ Sport Tourism และมีส่วนช่วยกระตุ้นธุรกิจสายการบินระหว่างประเทศเติบโตสามารถเพิ่มเที่ยวบินมากขึ้นตามไปด้วย

ในสถานการณ์ปกติจะมีเซกเตอร์ตลาดนักอล์ฟเกาหลีมาไทยปีละประมาณ 20 % ของนักกอล์ฟทั้งหมด ตอนนี้จึงเห็นสัญญาณเชิงบวกปรากฎชัดเจน ประเมินไได้จาก 2 ปัจจัยหลัก ได้แก่

ปัจจัยแรก -เที่ยวบินไป-กลับ ระหว่างสาธารณรัฐเกาหลี-ประเทศไทย อดีตมีถึงมากถึงวันละ 20 เที่ยว ปัจจุบันเหลือประมาณ 4-5 เที่ยว แต่ก็สะท้อนได้ถึงแนวโน้มนักเดินทางเริ่มเข้ามาแล้ว เฉลี่ยเครื่องบินขนาดบรรทุกลำละ 300 ที่นั่งขึ้นไป วันละ 5 เที่ยว ก็จะมีคนเกาหลีมาไทยถึงวันละ 1,500-2,000 คน ต้นปี 2566 มีสายการบินต่าง ๆ มีแนวโน้มจะเพิ่มเที่ยวบินเข้ามาเติมมากขึ้น ทำให้ตลาดจะกลับสู่ภาวะปกติได้เร็ววันนี้

ปัจจัยที่ 2 เปลี่ยนฤดูให้นักกอล์ฟเกาหลีเริ่มเดินทางมาเล่นกอล์ฟได้ตลอดทั้งปี เพราะช่วงเดือนกันยายน 2565 ยังไม่ใช่ฤดูเดินทางของนักกอล์ฟเกาหลี ปกติจะเริ่มมาช่วงพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ ของทุกปี เป็นการหนีหนาวมาเล่นกอล์ฟในเมืองไทย ทางเอเย่นต์ท่องเที่ยวยืนยันตรงกันฤดูหนาวหนาวมากจริง ๆ ส่วนฤดูทั่วไปสนามกอล์ฟในเกาหลีมีน้อย จองคิวนาน จึงทำให้นักกอล์ฟนิยมเดินทางมาเล่นในเมืองไทย

ดังนั้นปลายเดือนกันยายน 2565 เป็นต้นไป จึงทำให้นักกอล์ฟเกาหลีแห่จองใช้บริการสนามกอล์ฟเมืองไทยเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะ “สนามกอล์ฟปาริชาติ อินเตอร์เนชั่นแนล” รองรับนักกอล์ฟได้วันละ 200-300 คน ส่วนสนามกอล์ฟเอกชนกับของหน่วยราชการรวมกันมีประมาณ 300-400 สนาม สามารถรับได้อย่างเต็มที่

ตอนนี้สนามปาริชาติ อินเตอร์เนชั่นแนล มีตลาดนักกอล์ฟต่างชาติ กลุ่มหลักคือ เกาหลี มีจำนวนมากที่สุด ตามมาด้วยออสเตรเลีย มาเลเซีย สิงคโปร์ ตอกย้ำถึงการท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัวอย่างชัดเจน ไม่เฉพาะเมืองไทย จากประสบการณ์ผมเพิ่งมีโอกาสไปฝรั่งเศสได้พูดคุยกับภาคธุรกิจยืนยันการท่องเที่ยวในแถบนี้เริ่มฟื้นแล้วจากกลุ่มนักเดินทางตลาดหลักสหรัฐอเมริกา ยุโรป และหลังสุดเป็นเอเชีย มีปะปนกันไปมีเกาหลี ญี่ปุ่น คล้ายคลึงกับเมืองไทยท่องเที่ยวก็ฟื้นคล้ายทางยุโรปแต่ไทยมีเอเชียเป็นกลุ่มลูกค้าหลัก

นายวิวัฒน์กล่าวว่า พฤติกรรมของนักกอล์ฟเกาหลีที่เดินทางมาใช้บริการเล่นกอล์ฟตามสนามต่าง ๆ ในภาคตะวันออกของไทยทางเอเย่นต์เกาหลีอธิบายให้ฟังว่าส่วนใหญ่ยังมีรูปแบบคล้ายเดิม จึงได้ทำแพกเกจวางขายในตลาดทริปละ 5-6 วัน กิจกรรมเน้นการเล่นกอล์ฟตลอดตั้งแต่เช้าจรดเย็น บวกบริการสั่งเมนู “อาหารไทย” โดยเฉพาะร้านอาหารทะเลในพัทยา ชลบุรี มีตลาดเกาหลีจองเป็นจำนวนมาก สัญญาณช่วงปลายปี 2565 เป็นต้นไป จะมี “เที่ยวบินเพิ่ม” จากเอเชียเข้าไทยเพิ่มขึ้น สะท้อนถึงความต้องการของนักเดินจากเกาหลีเข้าไทยอย่างแท้จริง

นอกจากนี้ยังมีนักกอล์ฟจาก “ญี่ปุ่น” เข้ามาบ้าง แต่สถานการณ์ฟื้นตัวยังไม่ชัดเจนมากนัก เพราะรัฐบาลญี่ปุ่นเปิดประเทศแบบค่อยเป็นค่อยไป ระหว่างนี้จะมีคนญี่ปุ่นเดินทางมาเยี่ยมเพื่อนฝูงมากกว่ามาใช้เงินเล่นกอล์ฟ ส่วนตลาดต่างประเทศอื่น ๆ กำลังทยอยเดินทางเข้ามาเล่นกอล์ฟและท่องเที่ยวควบคู่กันไป

ปี 2566 ประเมินแล้วตลาดนักกอล์ฟเกาหลีและแถบเอเชียมีโอกาสจะฟื้นกลับมาได้ถึง 100 % แต่ต้องได้รับปัจจัยหนุนจาก สายการบินเพิ่มเที่ยวบินตามความต้องการของนักท่องเที่ยวที่เติบโตขึ้นเพราะคนพร้อมเดินทาง กับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จะต้องเพิ่มกลยุทธ์กระตุ้นตลาดมากยิ่งขึ้น ซึ่งตอนนี้ทำได้ค่อนข้างดี

ขณะที่สนามปาริชาติ อินเตอร์เนชั่นแนลฯ สถานการณ์ธุรกิจปี 2566 แนวโน้มน่าจะสดใสมากยิ่งขึ้น รวมทั้งอีกหลายสนามก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน แต่จุดแข็งหลักคือปาริชาติกับสนามกอล์ฟบางแห่งที่มี “คนเกาหลีร่วมทุนเปิดโรงแรมในสนามกอล์ฟ” ด้วยจะได้เปรียบกว่าสนามทั่วไป เกิดจากการบริหารจัดการธุรกิจผสมผสานระหว่างไทยกับเกาหลีทำให้เกิดพลังบวกทางการตลาดฟื้นเร็ว

สำหรับ “โรงแรมสนามกอล์ฟ” จะลงทุนพัฒนาระดับ 3 ดาวขึ้นไป ราคาห้องพักเฉลี่ยประมาณ 1,500 บาท/ห้อง/คืนไม่สูงจนเกินไปตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ตลาดได้ตรงเป้าหมายเต็มศักยภาพ

ส่วน “แพกเกจเล่นกอล์ฟ” จะประกอบด้วย ความสุขครบ 360 องศา 1.เล่นกอล์ฟในสนามที่ดีมีคุณภาพ 2.รับประทานอาหารอร่อย 3.ดูโชว์ซึ่งเป็นไฮไลต์ในแต่ละเมืองท่องเที่ยวของไทย มีความหลากหลายอย่างการแสดงวัฒนธรรมดึงดูดความสนใจได้เป็นอย่างมาก 4.บริการที่พักและอื่น ๆ อย่างเป็นมิตร ซึ่งเป็นจุดขายของเมืองไทยที่ประเทศอื่นไม่สามารถลอกเลียนแบบได้ เรื่อยไปจนถึงไทยเป็นประเทศที่มาได้ทุกเพศ ทุกวัย อากาศสบาย ๆ เล่นกอล์ฟได้ทั้งปี

นอกจากนี้ในพื้นที่ภาคตะวันออกและภาคใต้ของไทยยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลที่สวยงามเป็นแม่เหล็กดึงดูดคนทั่วโลก ส่วน ททท.ก็มีสำนักงานกระจายอยู่ทั่วโลกคอยทำหน้าที่เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ทำการตลาดเชิงรุกเจาะกลุ่มต่างๆ เข้ามาเที่ยวเมืองไทย ตอนนี้ทุกฝ่ายได้ทำทุกอย่างเพื่อรองรับการท่องเที่ยวกลับมาอย่างสมบูรณ์ ทุกประเทศเปิดแล้วบวกกับนักท่องเที่ยวนานาชาติเองก็เปิดใจออกเดินทางเช่นกัน ตอนนี้ยุโรปฟื้นต่อไปเอเชียและไทยก็จะฟื้นเศรษฐกิจได้แบบเดียวกัน

นายวิวัฒน์กล่าวตอนท้ายว่า ธุรกิจสนามกอล์ฟปาริชาติฯ เมื่อกลับมาเปิดบริการเต็มรูปแบบหลังสถานการณ์โควิด-19 ได้เร่งจ้างแรงงานไทยสร้างอาชีพให้คนท้องถิ่นหลากหลายกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็น แคดดี้ 200-300 คน เชฟทำอาหารพนักงานบริการภายในสนามกอล์ฟตามซุ้มต่าง ๆ พนักงานโรงแรมสนามกอล์ฟ ถือเป็นเรื่องดีมาก เพราะเม็ดเงินใช้จ่ายจากนักกอล์ฟตรงลงถึงมือสู่รากหญ้าโดยตรงได้รับค่าจ้างเป็นกอบกำ

สรุปแล้วอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกับธุรกิจสนามกอล์ฟซึ่งรองรับตลาดการท่องเที่ยวเชิงกีฬา นับจากวันนี้เป็นต้นไปมองเห็นแสงสว่างแล้ว สามารถจับต้องเรื่องภาพการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งทุกอย่างเปิดทางแล้วเมืองไทยเองก็พร้อมต้อนรับ เพียงแต่รอเรื่องเดียวคือจังหวะเวลาปลายปี 2565 เป็นต้นไปจะได้เห็นการคลิกออฟของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยในตลาดโลกอย่างเต็มรูปแบบ กลับมาสดใสอีกครั้งอย่างแน่นอน

เรื่องโดย…#เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน #gurutourza,www.facebook.com/penroongyaisamsaen