ธนาคารโลกปรับประมาณการณ์เศรษฐกิจโลกโตแค่ 2.5 %



  • ผลจากการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธ์ใหม่ 2019
  • กระทบการค้าโลก-ท่องเที่ยว
  • กระทบห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก

สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานว่าธนาคารโลกประกาศปรับประมาณการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปี 2563 จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโตร้อยละ 3 เหลือ ร้อยละ 2.5 ผลจากการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธ์ใหม่ 2019 ที่ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก

นายเดวิด มัลพลัส(David Malpass) ประธานธนาคารโลกแถลงข่าวเมื่อวันอังคาร(4 กุมภาพันธ์) ว่า การระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธ์ใหม่ 2019 กระทบโดยตรงต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกในปี 2563 หลังจากที่ก่อนหน้านี้ธนาคารโลกคาดว่าเศรษฐกิจโลกจะเติบโตในอัตราร้อยละ 3 ผลจากการเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกามีความคืบหน้า แต่การที่ประเทศจีนซึ่งเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลกเผชิญกับการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธ์ใหม่ 2019 ทำให้กระทบต่อโครงสร้างการผลิตและการส่งออกของจีนไปในตลาดโลก เพราะจีนเป็นห่วงโซ่อุปทานที่สำคัญของโลก

“สินค้าจีนจำนวนมากออกมาสู่ส่วนที่เหลือของโลกโดยการส่งออกทางเครื่องบิน แต่ตอนนี้ทุกสายการบินระงับเที่ยวบินไป-กลับจีน และประเทศเพื่อนบ้านบางแห่งปิดพรมแดนของพวกเขา ทำให้มีปัญหาในการส่งออกสินค้าจากจีนไปในประเทศต่างๆ และมีปํญหาในการนำเข้าสินค้าเข้าประเทศจีนด้วย ทำให้แต่ละประเทศต้องปรับห่วงโซ่อุปทานใหม่เพื่อให้เศรษฐกิจโลกขับเคลื่อนไปได้ ซึ่งต้องใช้เวลา” มัลพลัส กล่าว

จากสถานการณ์ดังกล่าว ประธานธนาคารโลก คาดว่าเศรษฐกิจโลกในปี 2563 จะเติบโตเพียงร้อยละ 2.5 ดีขึ้นเมื่อเทียบกับร้อยละ 2.4 ในปี 2562

การปรับประมาณการณ์ดังกล่าว นายมัลพลัส กำลังหารือเกี่ยวกับแนวโน้มทางเศรษฐกิจโลกกับเจเน็ต เยลเลนอดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐผู้ซึ่งเห็นด้วยว่าไวรัสจะทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว

นายมัลพลัส กล่าวว่า ดูเหมือนว่าไวรัสจะมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญกับเศรษฐกิจจีน และมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอย่างแน่นอน

ในขณะเดียวกันธนาคารโลกเรียกร้องให้ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกเสริมสร้าง “ระบบเฝ้าระวังสุขภาพ” และกล่าวว่าทุกประเทศควรให้ความร่วมมือในการใช้ทรัพยากรและความเชี่ยวชาญที่มีอยู่ในการต่อสู้กับไวรัสดังกล่าว
รายงานล่าสุดพบว่ามีผู้เสียชีวิตจากไวรัส ทั้งสิ้น 490 คน และมีผู้รักษาหายแล้วทั้งสิ้น 892 คน โดยมีผู้ติดเชื้อแล้วทั้งสิ้น 24,324 คน