
- ตั้งแต่เปิดตัวเดือนต.ค.63-มิ.ย.64 มีคนใช้แล้ว 2 แสนราย
- ครึ่งแรกปี 64 ทำธุรกิจ 1.4 ล้านครั้งกว่า 500 ล้านเหรียญฯ
- อนาคตหวังคนกัมพูชาใช้เงินสกุลเดียวลดพึ่งพาดอลลาร์สหรัฐฯ
ธนาคารกลางทั่วโลก ศึกษาความเป็นไปได้ออกสกุลเงินดิจิทัล ขณะที่ ธนาคารกลางกัมพูชา เผยผลทดลองใช้ “บากอง” ตั้งแต่เดือนต.ค.63 ดันยอดผู้ใช้จ่ายเงินดิจิทัลเพิ่ม 2 เท่ามาอยู่ที่ 2 แสนคน ตั้งเป้าชาวกัมพูชาใช้เงินสกุลเดียว ลดพึ่งพาเงินดอลลาร์สหรัฐฯ
เว็บไซต์นิกเคอิ เอเชีย ระบุว่า ขณะนี้ธนาคารกลางกว่า 60 ประเทศทั่วโลก กำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการออกสกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง (ซีบีดีซี) และธนาคารกลางกัมพูชา (เอ็นบีซี) ได้เปิดตัว “บากอง” สกุลเงินดิจิทัลของประเทศในเดือนต.ค.63 ภายใต้ความช่วยเหลือด้านเทคโนโลยีบล็อกเชนจากบริษัทโซรามุตสึของญี่ปุ่น เพื่อเพิ่มการยอมรับเงินเรียล ซึ่งเป็นเงินสกุลท้องถิ่น และค่อยๆ ลดการพึ่งพาเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ
“ชี เซเรย์” ผู้อำนวยการธนาคารกลางกัมพูชา กล่าวว่า โครงการบากอง ซึ่งเปิดดำเนินการในไตรมาสนี้ เป็นช่องทางการชำระเงินแห่งชาติของกัมพูชา และมีบทบาทสำคัญในการนำผู้เล่นทุกคนในธุรกิจการชำระเงินเข้ามาอยู่ภายใต้แพลตฟอร์มเดียวกัน เพิ่มความสะดวกแก่ผู้ใช้งานปลายทางในการชำระเงิน โดยไม่คำนึงถึงว่า สถาบันการเงินที่ทำธุรกรรมด้วยเป็นธนาคารอะไร และในอนาคตจะอนุญาตให้ชำระเงินข้ามพรมแดนผ่านระบบบากอง
ทั้งนี้ ตั้งแต่เริ่มเปิดตัวเมื่อเดือนต.ค.63 จนถึงเดืนอมิ.ย.64 ผู้ใช้กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ของบากองเพิ่มขึ้น 2 เท่าตัวเป็น 200,000 ราย ขณะที่ระบบโดยรวมของบากองเข้าถึงผู้ใช้ประมาณ 5.9 ล้านคน และในช่วงครึ่งแรกของปี 64 มีการทำธุรกรรมโดยรวม 1.4 ล้านครั้ง คิดเป็นมูลค่าประมาณ 500 ล้านเหรียญฯ
“ยอดผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะการชำระเงินด้วยระบบดิจิทัลในช่วงที่โรคโควิด-19 ระบาด และรัฐบาลออกมาตรการควบคุมด้านต่างๆ ทำให้ผู้คนหันมาพึ่งพาเทคโนโลยีกันมากขึ้น”
อย่างไรก็ตาม บากองมีความแตกต่างจากคริปโตเคอร์เรนซีแบบไร้ศูนย์กลางการควบคุม อย่างบิทคอยน์ เพราะบากอง เป็นระบบปิด ที่ได้รับการสนับสนุนจากธนาคารของประเทศ และหน่วยงานด้านการเงิน ที่สำคัญไม่สามารถนำเงินบากองไปใช้เพื่อการเก็งกำไรได้
นอกจากนี้ กระเป๋าเงินบากองยังถูกเชื่อมโยงกับบัญชีธนาคาร ที่อนุญาตให้ผู้ใช้งานแลกเปลี่ยนเหรียญดิจิทัล ของพวกเขา สำหรับสกุลเงินของประเทศ
“การทำธุรกรรมทั้งหมด จะเป็นแบบเรียลไทม์ และจะถูกบันทึก จัดเก็บไว้อย่างปลอดภัยที่ธนาคารกลาง”
ชาวกัมพูชาสามารถใช้เงินบากองซื้อสินค้าตามร้านค้า หรือส่งเงินผ่านแอปพลิเคชันมือถือ โดยไม่ต้องใช้เงินสด พร้อมทั้งนำเงินนี้ไปชำระหนี้ และส่งเงินนี้กลับประเทศในรูปเงินเรียล หรือเงินเหรียญสหรัฐฯได้ ซึ่งหนึ่งในเหตุผลหลักๆ ที่กัมพูชาออกเงินสกุลดิจิทัลนี้ ก็เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนในประเทศใช้เงินเรียลมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม แม้ปัจจุบัน กัมพูชาใช้เงิน 2 สกุลในการซื้อขายคือ เงินเรียล และเงินเหรียญสหรัฐฯ แต่เงินเหรียญฯสหรัฐฯได้รับความนิยม และแพร่หลายในระบบเศรษฐกิจมากกว่า แต่ขณะนี้ ถึงเวลาแล้วที่ต้องลดการพึ่งพาสกุลเงินเหรียญสหรัฐฯ เพราะเศรษฐกิจของกัมพูชาขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่ง อีกทั้งการเพิ่มสัดส่วนการใช้เงินท้องถิ่นยังช่วยให้ธนาคารกลางกัมพูชา ดำเนินนโยบายทางการเงินที่เป็นอิสระได้ รวมทั้งควบคุมปริมาณเงินที่หมุนเวียนในประเทศได้ดียิ่งขึ้น
“ภาระกิจหลักของบากองคือ เพิ่มการใช้เงินเรียลในระบบดิจิทัล และมีเป้าหมายระยะยาว ที่จะทำให้ชาวกัมพูชาใช้เงินสกุลท้องถิ่นเพียงสกุลเดียวในการซื้อสินค้าและบริการ”










