

ทอท. จ่อเสนอรัฐบาล”เศรษฐา” 3 เรื่อง เร่งพัฒนาสนามบินรองรับผู้โดยสาร บริหารจัดการสล็อต ขอบริหารสนามบินเพิ่มเป็น 9 แห่ง ขณะภาพรวมผลประกอบการผู้โดยสารโตเกินคาด 25% หนุนรายได้โต กำไรฟื้นตัวแรง
นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยภายหลังการประชุมรับฟังความคิดเห็นครั้งที่ 1 งานจ้างสำรวจและออกแบบโครงการพัฒนาท่าอากาศยานดอนเมือง ระยะที่ 3 ว่า จากการหารือร่วมกับ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในเบื้องต้นทาง ทอท. ได้เตรียมแผนการดำเนินงานที่จะเสนอให้รัฐบาลชุดใหม่พิจารณา 3 เรื่อง ประกอบด้วย 1.การบริหารจัดการเพิ่มประสิทธิภาพในการรองรับผู้โดยสาร ลดความแออัดรวมถึงการบริหารจัดการตารางการบิน (สล็อต) ของสนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินดอนเมือง สนามบินเชียงใหม่ และสนามบินภูเก็ตให้เกิดประสิทธิภาพในการรองรับการบินได้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งการบริหารจัดการดังกล่าวจะเป็นการแก้ไขปัญหาในระยะสั้น 6 เดือน
ส่วนเรื่องที่ 2 แผนการพัฒนาท่าอากาศยานของ ทอท. ด้วยการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและรองรับผู้โดยสาร โดยในระยะยาว ทอท.มีโครงการพัฒนาสนามบินดอนเมืองระยะที่ 3 ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการสำคัญที่ ทอท. เร่งผลักดันให้สำเร็จเป็นรูปธรรมตามแผนแม่บท ซึ่งจะเพิ่มขีดความสามารถของ สนามบินดอนเมืองให้มีศักยภาพรองรับผู้โดยสารได้สูงสุดประมาณ 50 ล้านคนต่อปี จากเดิม 30 ล้านคนต่อปี อย่างไรก็ตาม โครงการพัฒนาสนามบินดอนเมือง ระยะที่ 3 ได้ผ่านการเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อปี 2565 ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนออกแบบก่อสร้าง และคงต้องเสนอ ครม.รัฐบาลใหม่รับทราบในเรื่องการเปลี่ยนกรอบวงเงินลงทุนเป็น 3.6 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้ ทอท. ยังได้เตรียมลงทุนโครงการสนามบินสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2 เพื่อเพิ่มขีดความสามารถรับผู้โดยสารจาก 45 ล้านคนต่อปี เป็น 60 ล้านคนต่อปี โครงการพัฒนาสนามบิน ภูเก็ต ระยะที่ 2 ที่จะมีการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ เพิ่มการรองรับเป็น 14 ล้านคนต่อปี และโครงการพัฒนาสนามบินเชียงใหม่ ที่จะก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ เพิ่มการรองรับเป็น 18 ล้านคนต่อปี รวมทั้งโครงการขยายขีดความสามารถสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งตามแผนจะมีการยังแผนการ สร้างส่วนต่อขยายด้านทิศตะวันออกอาคารผู้โดยสาร (East Expansion) และส่วนต่อขยายด้านทิศตะวันตกของอาคารผู้โดยสาร (West Expansion)
ส่วนในเรื่องที่ 3 นั้น ทอท. ยืนยันความพร้อมในการที่จะเข้าไปบริหารท่าอากาศยานภูมิภาคของกรมท่าอากาศยาน (ทย.) ที่ ครม.อนุมัติไว้แล้วจำนวน 3 แห่ง ประกอบด้วย สนามบินอุดรธานี สนามบินบุรีรัมย์ และสนามบินกระบี่ ซึ่งปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนกรมท่าอากาศยานขอใบรับรองสนามบินสาธารณะ ทางกรมท่าอากาศยานคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนตุลาคม 2566 และรัฐบาลใหม่เห็นชอบแล้วไปในแนวทางเดียวกันก็คาดว่าจะสามารถโอน 3 สนามบินได้ ในขณะเดียวกันทางกระทรวงคมนาคมตอนนี้ก็มีนโยบายที่จะให้รับโอนท่าอากาศยานอื่นๆ เพิ่มของกรมท่าอากาศยาน แต่ก็ต้องรอเสนอรัฐบาลเพื่อไทยก่อน เพื่อหาแนวทางการบริการจัดการต่อไป
สำหรับ 6 ท่าอากาศยานภูมิภาค ที่ ทอท.จะพิจารณาเข้าไปรับโอนมาบริหารเพิ่มเติม ส่วนใหญ่จะเป็นท่าอากาศยานที่มีศักยภาพอยู่แล้ว และสามารถสนับสนุนให้ ทอท. ทำเส้นทางการบินเชื่อมต่อระหว่างภูมิภาคได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ สนามบินพิษณุโลก สนามบินแม่สอด สนามบินอุบลราชธานี สนามบินขอนแก่น สนามบินตรัง และสนามบินระนอง
นายกีรติ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ผู้โดยสารใน 6 ท่าอากาศยานที่อยู่ภายใต้การดูแลของ ทอท. มีปริมาณรวมกว่า 3 00,000 คนต่อวัน ซึ่งเติบโตต่อเนื่อง และปี 2567 คาดว่าจะกลับเข้าสู่สถานการณ์ปกติช่วงก่อนเกิดโควิด -19 ที่มีปริมาณเฉลี่ย 450,000 คนต่อวัน โดยการเติบโตของปริมาณผู้โดยสารดังกล่าว ทำให้ ทอท.ต้องประเมินว่าปริมาณผู้โดยสารในสิ้นปีงบประมาณ 2566 จะสูงเกินกว่าคาดการณ์ไว้ราว 25% เช่นเดียวกับรายได้และกำไรก็จะมีอัตราการเติบโตสอดคล้องกัน
อย่างไรก็ตามในช่วง 3 ไตรมาสในปีงบประมาณ 2566 ทอท.มีกำไรรวมแล้วกว่า 5,000 ล้านบาท โดยแนวโน้มในไตรมาส 4 ปีนี้ก็ประเมินว่าจะมีทิศทางเป็นบวก ทำให้ ทท. จะมีกระแสเงินสดเพียงพอต่อการใช้หนี้เงินกู้ ที่ดำเนินการกู้มาในช่วงโควิด-19 โดยประเมินว่าในปี 2567 จะเป็นปีที่ ทอท. มีผลประกอบการที่กลับมาเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งมีเงินสดสะสมเหลือเพียงพอใช้ในการลงทุนโครงการต่างๆ