ทหารไทยควบธนชาตดีเดย์เสร็จสมบูรณ์1ก.ค.64



  • แบงก์ทหารไทยดีเดย์ควบรวมเสร็จสมบูรณ์ 1 ก.ค. 64
  • ลุยไล่ปิดสาขาซ้ำซ้อน 100 สาขา เริ่มกลางเดือนก.พ.นี้จนถึงสิ้นปี 90 สาขา
  • ยืนยันหนักแน่นเหมือนเดิมไม่ปลดพนักงาน

นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือทีเอ็มบี เปิดเผยว่า การควบรวมระหว่างธนาคารทหารไทยกับธนาคารธนชาต จะเสร็จสิ้นสมบูรณ์ในวันที่ 1 ก.ค. 64 พร้อมตั้งเป้าหมายให้เป็นธนาคารอันดับ 1 ในดาวใจลูกค้า โดยในปีนี้ทั้งสองธนาคารจะเริ่มผนึกกำลังหลอมทีมงานทั้งสองฝั่งให้เป็นหนึ่งเดียว หรือภายใต้ หนึ่งคณะกรรมการ หนึ่งฝ่ายจัดการ บริหารธนาคารทั้งสองแห่ง

                “การควบรวมเพื่อให้เป็นหนึ่งเดียว จะใช้เวลาประมาณ 18 เดือน  พร้อมชื่อธนาคารใหม่ โดยการควบรวมในครั้งนี้มีสาขาที่ซ้ำซ้อน  หรือมีที่ตั้งใกล้เคียงกัน 100 สาขา จากทั้งหมด  900 สาขา โดยกลางเดือนก.พ.นี้จนถึงสิ้นปีปิดสาขาซ้ำซ้อน  90 สาขา ส่วนสาขาซ้ำซ้อนที่เปิดให้บริการจะรับทำธุรกรรมของ 2 ธนาคาร”

                ทั้งนี้ธนาคารยังยืนยันเหมือเดิม การควบรวมในครั้งนี้จะไม่มีการปลดพนักงาน แม้ว่าจะมีสาขาที่ปิดกิจการ 100 สาขา แต่ละสาขามีพนักงาน  8-10 คน  หรือพนักงานสาขาทั้งหมดของ 2 ธนาคาร มีรวมกัน 10,000 คน ในแต่ะละปีจะมีพนักงานสาขาเกษียณอายุ และลาออก 10-20 %  ซึ่งตามปกติต้องรับพนักงานเพิ่ม เพื่อทดแทนพนักงานที่ลาออกไป   

สำหรับทีมผู้บริหารของธนาคารใหม่นี้ เป็นทีมผู้บริหารจากทั้งไทยและต่างประเทศ ประกอบด้วย นายประพันธ์ อนุพงษ์องอาจ ผู้จัดการใหญ่, นายอนุวัติร์ เหลืองทวีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้ารายย่อย, นายป้อมเพชร รสานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านสินเชื่อรถยนต์, นางมารี แรมลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารนวัตกรรมลูกค้ารายย่อย, นายเสนธิป ศรีไพพรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้าธุรกิจ, นายฮัน คริเซล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านบริหารความเสี่ยง, นางประภาสิริ โฆษิตธนากร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน, นายมาร์คัส โดเลงก้า ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านเทคโนโลยีและปฏิบัติการ, นางวิจิตรา ธรรมโพธิทอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านทรัพยากรบุคคล, นางกาญจนา โรจวทัญญู ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการตลาด     

นายประพันธ์ อนุพงษ์องอาจ ผู้จัดการใหญ่ กล่าวว่า เป้าหมายหลักของธนาคารในตอนนี้คือ การรวมเป็นหนึ่ง โดยคำนึงถึงประสบการณ์ของลูกค้าที่ได้รับบริการเป็นหลัก ว่าต้องไม่ได้รับผลกระทบใดๆ จึงได้มีการวางแผนการดำเนินงานอย่างดี โดยธนาคารมีแผนที่จะเริ่มทยอยนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เป็นจุดเด่นของแต่ละธนาคารให้ลูกค้าของอีกธนาคารได้รู้จักและทดลองใช้ และกลางเดือนกุมภาพันธ์นี้ จะเริ่มเปิดให้บริการ Co-Location/ Co-Brand Branch ที่เป็นสาขาร่วมระหว่างสองธนาคาร ซึ่งปีนี้วางแผนจะเปิดทั้งหมด 90 สาขา ทั่วประเทศ เพื่อให้ลูกค้ามีความสะดวกมากขึ้นในการทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ หรือบริการของทั้งสองธนาคาร

ขณะที่ในเดือนมีนาคม ลูกค้าทั้งสองธนาคารจะได้รับความสะดวกจากการใช้บริการ ATM / ADM จำนวนกว่า 4,700 เครื่อง ฟรีค่าธรรมเนียมฝาก ถอน โอน ลูกค้าทีเอ็มบี ทัช สามารถทำรายการกดเงินไม่ใช้บัตรจากเครื่องของธนชาตได้ และบิลสินเชื่อบ้าน สินเชื่อรถยนต์ บัตรเครดิตของธนชาต ก็สามารถชำระได้ที่เครื่องของทีเอ็มบี

นางมารี แรมลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารนวัตกรรมลูกค้ารายย่อย กล่าวว่า ธนาคารจะพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่เกิดจากการนำข้อมูลมาวิเคราะห์ให้รู้ถึงความต้องการที่แท้จริงโดยยึดหลักความปลอดภัยของข้อมูล ความเป็นส่วนตัวของข้อมูลลูกค้า และใช้เพื่อประโยชน์ของลูกค้าเท่านั้น

นายป้อมเพชร รสานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านสินเชื่อรถยนต์ กล่าวว่า สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ แบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกคือสินเชื่อเช่าซื้อรถเพื่อทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นหรือนำไปประกอบกิจการ หรือแม้แต่การนำรถมาแลกเงินเพื่อเป็นทุนให้กับชีวิตในด้านใดด้านหนึ่ง ก็เป็นการขับเคลื่อนให้ลูกค้ามีคุณภาพชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้น ในขณะเดียวกันจะปล่อยสินเชื่อ แบบมีคุณภาพเพื่อให้ลูกค้ายังคงมีคุณภาพชีวิตที่ดีไม่กระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน

ด้านนายอนุวัติร์ เหลืองทวีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้ารายย่อย กล่าวว่า การรวมสองธนาคารจะทำให้จำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้นเป็น 10 ล้านราย สิ่งสำคัญที่ธนาคารต้องทำคือการนำข้อมูลที่มีอยู่มาใช้เป็นอาวุธสำคัญในการนำเสนอโซลูชันที่ตอบโจทย์ในสิ่งที่ลูกค้าต้องการที่สุด

ขณะที่ นายเสนธิป ศรีไพพรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้าธุรกิจ กล่าวว่า ธนาคารต้องนำเสนอธุรกรรมการเงินที่ตอบโจทย์ และพร้อมเชื่อมต่อ eco-system ตั้งแต่ธุรกิจขนาดใหญ่ไปจนถึงเล็กทั้งด้านข้อมูลและเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อให้การทำธุรกรรมการเงินสะดวกและการบริหารงานมีประสิทธิภาพมากขึ้นช่วยให้ลูกค้าธุรกิจมีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นและเติบโตได้อย่างยั่งยืน