ททท.ผนึกเอกชน 28 องค์กร จัด “FHT 2023”ดันเที่ยวไทยโต “โรงแรม-ร้านอาหาร-บริการ” ทั่วโลกเฮ จับคู่ธุรกิจคึกคัก



ททท.กอดคอพันธมิตร 28 องค์กร ทุ่มจัดบิ๊กอีเวนต์ “FHT 2023 : Food & Hospitality Thailand 2023” วันนี้-26 ส.ค.66

  • ดึงทั่วโลกจับคู่เจรจาธุรกิจ อาหาร โรงแรม ฟื้นตลาดท่องเที่ยวไทยโกยเงินเข้าประเทศทำเศรษฐกิจคึกคัก
  • ธุรกิจโรงแรมตีปีกได้ตลาดต่างชาติเร่งเพิ่มยอดห้องพักเฉลี่ยปี’66 ทะยานกว่า 65%

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่าได้เป็นประธานเปิดงาน “FHT 2023 : Food & Hospitality Thailand 2023” เป็นมหกรรมการจัดแสดงสินค้าด้านอาหารและบริการ โรงแรม ร้านอาหาร บาร์ ร้านกาแฟ และธุรกิจเกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ 23 – 26 สิงหาคม 2566 เป็นมหกรรมใหญ่แห่งปีสามารถเข้าชมได้ทุกวันตั้งแต่ 10.00-18.00 น.บริเวณฮอลล์ 1-3 ชั้น G ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยมีเอกชนร่วมมือกันจัดขึ้นภายใต้แนวคิด “การเชื่อมต่อธุรกิจสู่อนาคต : Connecting the Future” เพื่อร่วมกันพัฒนา สร้างความเข้มแข็ง ผนึกกำลังกันฟื้นฟูธุรกิจท่องเที่ยวภาคบริการที่เกี่ยวข้อง ภายในงานจะเน้นการแสดงสินค้าทางเทคโนโลยีสมัยใหม่ครอบคลุมครบวงจรทั้งทางด้านอาหาร เครื่องดื่ม อุปกรณ์ เครื่องใช้ในโรงแรมภัตตาคาร การจัดเลี้ยง และการบริการนานาชาติ ที่คนไทยและทั่วโลกให้ความสนใจต่อเนื่องมาตลอดทุกปี

การจัดงาน Food & Hospitality Thailand (FHT) 2023 เดือนสิงหาคม 2566 นี้ ทาง บริษัท อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ประเทศไทย จำกัด ร่วมมือกับสมาคมโรงแรมไทย สมาคมภัตตาคารไทย สมาคมบาริสต้า สมาคมเชฟประเทศไทยสมาคมค้าปลีกไทย และพันธมิตรท่องเที่ยวและบริการทั้งจากในไทยและนานาชาติรวมกว่า 28 องค์กร พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจในกลุ่มท่องเที่ยว อาหาร ร้านอาหาร ค้าปลีก ธุรกิจบริการ สปา โรงพยาบาลและโลจิสติกส์ กลับมาฟื้นตัวและเติบโตอย่างรวดเร็วเพิ่มขึ้นตามเป้าหมาย เป็นพลังนำเศรษฐกิจประเทศแข็งแกร่งได้อีกครั้ง

นางสาวฐาปนีย์ กล่าวว่า ททท.พร้อมเดินหน้าสนับสนุนเจ้าภาพหลักงานนี้นำโดย นายมนู เลียวไพโรจน์ บริษัท อินฟาร์มา มาร์เก็ตส์ (ประเทศไทย) นายสมศักดิ์ รารองคำ นายกสมาคมเชฟประเทศไทย นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย นางมาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย  ต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติตามเป้าหมายของประเทศปี 2566 ตั้งไว้ไม่น้อยกว่า 30 ล้านคน แล้วงาน FHT 2023 ก็เป็นอีกหนึ่งพลังที่สามารถดึงดูดผู้จัดแสดงสินค้า นักเดินทาง นานาชาติเข้ามาร่วมงาน พร้อมกับเปิดเวทีจับคู่เจรจาการค้าอาหาร เครื่องดื่ม คาเฟ่ โรงแรมและอีกมากมาย รวมทั้งคนไทยก็จะได้รับโอกาสเข้าร่วมแลกเปลี่ยนและชมเทคโนโลยีสมัยใหม่ โดยแต่ละธุรกิจที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทยจะได้นำมาพัฒนาเพิ่มขีดความสามารถแข่งขันกับทั่วโลกได้ต่อไป

โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการโรงแรมไทยเตรียมต้อนรับการท่องเที่ยวไทยกำลังฟื้นตัวอย่างรวดเร็วจากนักเดินทางต่างประเทศและคนไทย ดังนั้นปี 2566 โรงแรม รีสอร์ต และสถานที่บริการห้องพักของไทยจึงคาดจะมีรายได้กระจายสู่ที่พักทั่วประเทศจะสามารถทำอัตราการเข้าพักเฉลี่ย (OR :Occupacy Rate) ได้ไม่ต่ำกว่า 60-65% สร้างเงินสะพัดกว่า 2.25 ล้านล้านบาท

เนื่องจากเมื่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยฟื้นตัว ก็จะสร้างอานิสงเชิงบวกทางเศรษฐกิจส่งไปถึงอีก 3 ธุรกิจหลักได้ด้วย ได้แก่ อาหาร บริการ และสินค้าอุปโภคบริโภค อีกทั้งแนวโน้มของรัฐบาลใหม่ก็พร้อมจะสานต่อนโยบายสนับสนุนการท่องเที่ยวไทยซึ่งเป็นอุตสาหกรรมทำรายได้หลักเข้าประเทศอย่างมีนัยสำคัญทั้งปัจจุบันและอนาคต

ขณะที่เป้าหมายการจัดแสดงสินค้า FHT 2023 ครั้งนี้ ทางผู้จัดมุ่งเน้นเรื่อง “การเชื่อมต่อธุรกิจสู่อนาคต : Connecting the Future” ระหว่างผู้ประกอบการไทยกับคู่ค้าทั่วโลก ซึ่งจะยังคงทำกิจกรรมจับคู่เจรจาธุรกิจ จัดสัมมนาแนวโน้ม เทรนด์และทิศทางของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว อาหารและการบริการ รวมไปถึงโซนจัดแสดงสินค้าอย่างครอบคลุมอุตสาหกรรมทุกกลุ่ม

ในงานมีไฮไลต์พิเศษของกลุ่มธุรกิจเติบโตสูง 2 โซน ได้แก่ โซนที่ 1 ธุรกิจกาแฟและเบเกอรี่ (Coffee & Bakery Thailand) โซนที่ 2 ธุรกิจร้านอาหารและบาร์ (Restaurant & Bar Thailand) เป็นจุดแข็งและแม่เล็กดดึงดูดผู้ร่วมจัดแสดงงานและผู้เยี่ยมชมงานจากทั่วโลกได้มาพบกัน และมีส่วนร่วมกับการจัดงาน FHT 2023 ครั้งนี้ด้วย

สำหรับสถิติการจัดงาน Food & Hospitality Thailand (FHT) ที่มี บริษัท อินฟาร์มา มาร์เก็ตส์ (ประเทศไทย) รับผิดชอบดำเนินงานร่วมกับพันธมิตรที่เกี่ยวข้องกับด้านการท่องเที่ยว เมื่อปี 2565 ผู้ประกอบการทั้งไทยและนานาชาติร่วมมือเป็นอย่างดีจึงส่งทำให้งานได้รับความสำเร็จมีผู้ประกอบการนานาชาติทั่วโลกเข้าร่วมถึง 243 บริษัท จาก 12 ประเทศ พร้อมทั้งมีชมงานที่เป็นกลุ่มธุรกิจ 22,773 ราย จาก 61 ประเทศ แล้วประเทศยังได้รับคำชมเชยและคำขอบคุณในเชิงสร้างสรรค์จากผู้ประกอบการที่เข้าร่วมงานโดยได้นำเสนอถึงแนวโน้ม ทิศทาง ปัจจัยต้องเฝ้าระวังหลังผ่านพ้นสถานการณ์วิกฤตโควิด-19 ได้อย่างมีคุณภาพทุกกิจกรรม ทั้งการประชุม สัมมนา การจัดแสดงสินค้าและบริการ ทำให้ผู้ประกอบการแต่ละกลุ่มธุรกิจสามารถนำไปไประยุกต์ใช้ในการวางแผนรับมือ ปรับธุรกิจให้พร้อมต้อนรับท่องเที่ยวของไทยที่กำลังฟื้นตัวอย่างรวดเร็วต่อเนื่องมาตั้งแต่กลางปี 2566 จนถึงปัจจุบันปี 2566

เรื่องโดย…#เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน #gurutourza, www.facebook.com/penroongyaisamsaen