

- ททท.ส่งสัญญาณท่องเที่ยวไตรมาส 4 ปี 65 ยอดพุ่ง
- จ่อฉลอง “มาเลเซีย” เข้าไทย 1 ล้านคน “อินเดีย” แรงไม่หยุด
- ส่วนเอเชียตะวันออก “เกาหลี-ญี่ปุ่น” ไฮซีซันนักกอล์ฟทะลักแน่ ด้าน “จีน” รอไม่เกินไตรมาส 1 ปี’66
- ชี้เป้าโรงแรมเร่งจัดทัพขายห้องแบบครอบครัว 3 ตลาดมาแรง “แฟมิลี่&คิดส์+มิลเลนเนียลเจน Z+ท่องเที่ยวเชิงกีฬา”
นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า การวางแผนเดินหน้าการตลาดภาพรวมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยเริ่มดีขึ้นตามลำดับเป็นช่วงขาขึ้นผลจากการลงพื้นที่ทำโรดโชว์ เวียดนาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย และประเทศอื่น ๆ จับตาไทยเป็นโมเดลต้นแบบเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวทั่วโลก ทำให้ขณะนี้ตลาดทั่วเอเชีย อันดับ 1 “มาเลเซีย” เข้ามาเที่ยวเมืองไทย มาทางบก75 % และทางอากาศ 25 % ล่าสุดได้เปิดช่องทางใหม่การเดินทางรถไฟจากกัวลาลัมเปอร์เข้ามายังหาดใหญ่จ.สงขลา ซึ่งได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ส่งเสริมให้เข้ามาวันเดียวเมื่อ 16 กันยายน 2565 มาเลเซียมาไทยมากถึง 33,000 คน

ภายในสิ้นปี 2565 มาเลเซีย จะเป็นประเทศแรกที่ไทยเตรียมฉลองรับนักท่องเที่ยวครบ 1 ล้านคน กิจกรรมเชิงรุกคือการนำเอกชนเน้นทำโร้ดโชว์ ภาคเอกชนตื่นตัวร่วมเดินทางไปจับคู่เจรจาธุรกิจทั้งจากภูเก็ต กระบี่ พังงา สุราษฎร์ธานีและอีกหลายจังหวัดที่มีความสามารถเพื่อไป
อันดับ 2 อินเดีย ขณะนี้มียอดสะสมกว่า 400,000 คน ตามมาด้วย อันดับ 3 สปป.ลาว เป็นกลุ่มนักธุรกิจ ครอบครัว มีกำลังซื้อสูงกว่า 80 % เดินทางมาส่งลูกเรียน มาตรวจสุขภาพ ช้อปปิ้ง รวมทั้งกัมพูชา และเวียดนาม มีบริษัทตัวแทนท่องเที่ยวรายใหญ่ 2-3 บริษัท ตอบรับดีมาก โดยมีสายการบินไทยเวียตเจ็ทบินตรงจากเวียดนามเข้าเชียงใหม่ นอกเหนือจากกรุงเทพฯ ภูเก็ต

นายธเนศวร์ กล่าวว่า ช่วงปลายเดือนกันยายนนี้เป็นต้นไป จะบุกตลาดเอเชียตะวันออกเพื่อเพิ่มยอดตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี2565 เป็นต้นไป โดยเฉพาะญี่ปุ่น เตรียมนำเอกชนท่องเที่ยวไปร่วมขายในงาน TEJ :Tourism EXPO Japan 2022 ที่กรุงโตเกียว ขณะนี้ทางรัฐบาลญี่ปุ่นประกาศผ่อนคลายให้คนเดินทางต่างประเทศมากขึ้น มีเที่ยวบินเพิ่มขึ้นทุกเดือนด้วยเช่นกัน
ตามมาด้วย “สาธารณรัฐเกาหลี” ขณะนี้เปิดประเทศเต็มรูปแบบแล้ว การเดินทางทั้งเกาหลีมาไทยและไทยไปเกาหลีสะดวกไม่ต้องตรวจหาเชื้อโควิดอีกต่อไป ปัจจุบันมีเที่ยวบินตรงจากเกาหลีเข้าเชียงใหม่ โดยภาพรวมมีเที่ยวบินเกาหลีมาไทยเกินกว่า 40 % แล้ว
ส่วนการเตรียมความพร้อมของไทยที่จะต้อนรับนักท่องเที่ยวทั่วเอเชียตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2565 เป็นต้นไปนั้น ผู้ประกอบการท่องเที่ยวจะต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด เรื่องที่ 1 การดูแลรักษามาตรฐานความปลอดภัยตามตราสัญลักษณ์ SHA :Amazing Thailand Safety and Health Administration ที่จะต้องเน้นปฏิบัติเป็นปกติต่อไป ถึงแม้จะผ่านพ้นช่วงสถานการณ์เลวร้ายสุดไปแล้วก็ตาม แต่ทุกธุรกิจต้องใส่ใจด้านสุขอนามัย ไม่ว่าจะเป็น โรงแรม ร้านอาหาร บริการขนส่ง ร้านขายของที่ระลึก และ ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ห้ามการ์ดตกโดยเด็ดขาดเพราะนักท่องเที่ยวทั่วโลกยังให้ความสำคัญเรื่องสุขภาพ

เรื่องที่ 2 มาตรฐานบริการ และความเป็นห่วงเรื่องการป้องกันการหลอกลวงนักท่องเที่ยว ซึ่งมีบางจังหวัดท่องเที่ยวยอดนิยมมีนักท่องเที่ยวร้องเรียนเข้ามาบ้าง ซึ่ง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ททท.ขอให้วงจรเรื่องการลักทรัพย์ ชกชิงวิ่งราวนักท่องเที่ยว หลังโควิดแล้วจะต้องกำจัดให้หมดไปทันที
นายธเนศวร์กล่าวว่า สำหรับตลาดสาธารณรัฐประชาชนจีน ตอนนี้มีสัญญาณบวกหลายเรื่องทยอยเข้ามาถึงการขยับตัวของนักท่องเที่ยว เช่น รัฐบาลจีนอนุมัติให้เพิ่มเที่ยวบินจากจีนเข้าไทยได้มากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากเดิมสัปดาห์ละไม่กี่เที่ยวบินเป็นสัปดาห์ละ 15 เที่ยวบิน ทำให้ “ราคาตั๋วโดยสารเครื่องบิน” ถูกลงไปด้วย และหากประเมินผลถอดคำพูดของรัฐบาลจีนก็ไม่ได้ห้ามเดินทาง เพียงแต่การจัดการเรื่องเที่ยวบินที่ยังมีจำนวนจำกัด บวกกับขั้นตอนการตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัยของนักเดินทางเข้าออกประเทศยังมีเงื่อนไขที่จำเป็นจะต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด
ขณะนี้มีจีนบางกลุ่มสามารถเดินทางเข้าเมืองไทย โดยมีสถิติข้อมูลจากสถานเอกอัคราชฑูตและกงศุลใหญ่ไทยระบุมีนักเรียน นักศึกษา นักธุรกิจจีน ยังยื่นขอวีซ่าเข้าไทยอย่างต่อเนื่อง วันละประมาณ 600-700 คน ดังนั้น ททท.ก็มีความหวังปลายไตรมาส 4 ปี 2565 จะต้องดูสถานการณ์กันอีกครั้ง สังเกตุได้จากผู้นำสาธารณรัฐประชาชนจีนเริ่มออกเดินทางไปต่างประเทศพบประธานาธิบดีคาซัคสถาน ก็เป็นสัญลักษณ์ที่ดีต่อภาพรวมของตลาดจีนด้วยเช่นกัน ลำดับต่อไปประชาชนจีนก็คงจะมีโอกาสออกต่างประเทศได้ แต่การเดินทางอาจจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป เปิดเป็นบางมณฑลทางตอนใต้ของจีน อาจจะเริ่มออกต่างประเทศได้ช่วงไตรมาส 4 ปี 2565 หรือไตรมาส 1 ปี 2566 เป็นต้นไป

ส่วนการนำเสนอขายสินค้า ททท.ใช้กลยุทธ์เลือกให้เหมาะสมกับตลาดแต่ละเซกเมนท์ ประกอบด้วย กลุ่มที่ 1 Family Kids ครอบครัวขนาด 4 คน พ่อแม่ลูก เห็นได้จากตลาดอินเดีย เกาหลี เวียดนาม มาเลเซีย โดยเฉพาะบริเวณอำเภอหาดใหญ่มาเลเซียขับรถยูวีขับกันมาเป็นครอบครัว ดังนั้นจึงต้องเตรียมความพร้อมเรื่อง ประเภทของห้องพักโรงแรมที่สามารถรับได้ครอบครัวละ 4 คน อาหาร ผลไม้ ช้อปปิ้ง ซึ่งเป็นความโดดเด่นของเมืองไทย เรื่อยไปจนถึงสถานที่ท่องเที่ยวสไตล์ Soft Adventure มีสระน้ำ สวนน้ำ จะเป็นสินค้าที่ไทยพร้อมมากทั้งที่กรุงเทพฯ ภูเก็ต และอีกหลายจังหวัด
กลุ่มที่ 2 คนรุ่นใหม่ Millenials เจน Z จะมีความกล้าออกเดินทางและชอบใช้ชีวิตเดินทางอยู่ในสังคมเมือง Urban life ในกรุงเทพฯ พัทยา และอีกหลายเมือง สามารถเช็คอินจุดท่องเที่ยว ๆ มีสถานที่ทำงานเที่ยวได้ด้วย หรือ Co-Working Space ก็จะเป็นที่ชื่นชอบของนักเดินทางรุ่นใหม่เหล่านี้อย่างมาก
กลุ่มที่ 3 การท่องเที่ยวเชิงกีฬา Sport Tourism ฤดูหนาวปีนี้จะมีโอกาสต้อนรับตลาดสำคัญคือ เกาหลีจะหนีหนาวมาเล่นกอล์ฟที่เชียงใหม่ใช้จ่ายเงินเป็นจำนวนมาก
ดังนั้นไตรมาสที่ 4 ไทยจะได้นักท่องเที่ยวเกาหลี กับญี่ปุ่น เพิ่มขึ้นอีกเป็นจำนวนมาก เป็นกลุ่มนักเล่นกอล์ฟที่ชื่นชอบสนามกอล์ฟและการใช้ชีวิตอยู่ในเมืองไทยเป็นเวลานานต่อเนื่อง สร้างรายได้เป็นกอบกำเข้าพื้นที่ได้เป็นอย่างดี

ขณะที่ตลาดโอเชเนีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ แปซิฟิกใต้ ททท.ไม่ห่วงเนื่องจากเป็นตลาดที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเมืองไทยได้ตลอดทั้งปี
โดยสรุปแล้วตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2565 เมื่อเข้าสู่ปีงบประมาณใหม่ 2566 ททท.ร่วมกับผู้ประกอบการท่องเที่ยวเอกชนเห็นสัญญาณบวกจากนักท่องเที่ยวตลาดเอเชีย แปซิฟิกใต้ ซึ่งจะเป็นทัพกำลังซื้อสำคัญซึ่งได้รับมอบหมายให้ทำรายได้เข้าประเทศ 62 % และนำเข้านักท่องเที่ยวให้ได้ถึง 72 % ของนักท่องเที่ยวตลาดต่างประเทศทั้งหมดที่จะมาไทยปีหน้า จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งที่ทุกฝ่าย และคนไทย จะได้ให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทุกประเทศเป็นอย่างดีเพื่อนำรายได้เข้ามาฟื้นเศรษฐกิจระดับท้องถิ่นและประเทศกลับมาเฟื่องฟูโดยเร็ว
เรื่องโดย…#เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน #gurutourza,www.facebook.com/penroongyaisamsaen