สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 24 กรกฏาคม รัฐบาลปักกิ่งได้สั่งปิดสถานกงสุล สหรัฐฯ เมืองเฉิงตู โดยหยิบยกเหตุผลเพื่อตอบโต้ที่จำเป็นหลังจากรัฐบาลวอชิงตันได้สั่งปิดถสถานกงสุลจีน เมืองฮุสตัน ภายในเวลา 72 ชั่วโมง นับตั้งแต่วันอังคารที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น โดยให้เหตุผลเพื่อปกป้อง “ทรัพย์สินทางปัญญาและข้อมูลส่วนบุคคล” ของหน่วยงานทั้งของภาครัฐและเอกชนในประเทศ ที่ตกเป็นเหยื่อของอาชญากรรมทางไซเบอร์โดยแฮกเกอร์ของจีนนั้น
ทั้งนี้ ความตึงเครียดได้เพิ่มขึ้นระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนในประเด็นสำคัญหลายประการ โดยรัฐบาลปักกิ่งได้ยื่นให้สหรัฐปิดสถานกงสุลภายใน 72 ชั่วโมงนับตั้งแต่ 10.00 น.ตามเวลาของกรุงปักกิ่งของวันที่ 24 กรกฏาคมนี้เป็นต้นไป
ก่อนหน้านี้มีรายงานว่าทางกาจีน “กำลังพิจารณา” เตรียมสั่งปิดสถานกงสุลใหญ่สหรัฐ ณ เมืองเฉิงตู ในมณฑลเสฉวน ซึ่งเป็นสถานกงสุล 1 ใน 5 แห่งของสหรัฐ นอกเหนือจากที่เมืองอู่ฮั่น, กวางโจว, เสิ่นหยาง เมืองเซี่ยงไฮ้ ขณะที่นอกจากนั้นรัฐบาลวอชิงตันยังมีสถานกงสุลใหญ่ประจำเขตบริหารพิเศษของจีนทั้งสองแห่ง คือที่ฮ่องกงและมาเก๊า และสถานเอกอัครราชทูตประจำกรุงปักกิ่ง
เดิมทีมีกระแสข่าวว่ารัฐบาลปักกิ่งเตรียมสั่งปิดสถานกงสุลใหญ่สหรัฐ ณ เมืองอู่ฮั่น แต่หากมีการใช้มาตรการกับสถานกงสุลแห่งนี้จริง มีเสียงวิจารณ์จากสื่อจีนหลายแห่งว่า “ไม่สมน้ำสมเนื้อ” เนื่องจากรัฐบาลวอชิงตันอพยพนักการทูตออกจากเมืองอู่ฮั่นไปเกือบทั้งหมดแล้ว นับตั้งแต่ช่วงต้นของวิกฤติโรคโควิด-19
สำหรับสถานกงสุลใหญ่สหรัฐ ณ เมืองเฉิงตู เปิดดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2528 โดยตำแหน่งที่ตั้งถือเป็น “จุดยุทธศาสตร์” ในภูมิภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน จากการมีขอบเขตดำเนินงานครอบคลุมมณฑลสำคัญในแถบนี้ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นมณฑลเสฉวน, ยูนนาน และกุ้ยโจว