

- Galaxy AI สร้างปรากฏการณ์ใหม่
- ยอดพรีออเดอร์เพิ่มขึ้น 200%
- เผย 5 เทรนด์ AI ในปีนี้
- ถึงยุคใหม่สมาร์ทโฟน
นายสิทธิโชค นพชินบุตร รองประธานองค์กร ธุรกิจโมบายล์ เอ็กซ์พีเรียนซ์ บริษัทไทย ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดสมาร์ทโฟนในประเทศไทยได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ลากยาวมาจากวิกฤตโควิดซี่งมีทั้งกำลังซื้อที่หายไปและผู้คนไม่กล้าใช้จ่ายเงิน ตั้งแต่ปี 2020 ที่ผ่านมาตลาดสมาร์ทโฟนในไทยขายได้ 13.5 ล้านเครื่อง ลดลงต่อเนื่องจนถึงปี 2023 ยอดขายเหลือเพียง 10.7 ล้านเครื่อง
อย่างไรก็ตามหากจะดูตัวเลขให้ละเอียดต่อไป ตลาดสมาร์ทโฟน Non-Premium ระดับราคาจำหน่าย 20,000 บาทลงมาได้รับผลกระทบหนัก แต่ตลาด Premium ราคาจำหน่ายตั้งแต่ 20,000 บาทขึ้นไปกลัยบมีการเติบโต ตั้งแต่ปี 2020 ยอดขาย 1.3 ล้านเครื่องเป็น 1.5 ล้านเครื่องในปี 2023
เมื่อดูตัวเลขมูลค่าตลาดแล้ว สมาร์ทโฟน Premium มีมูลค่าถึง 1,755 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งใก้เคียงกับ ตลาดสมาร์ทโฟน Non-Premium ที่มีมูลค่า 1,778 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยคาดว่าปีนี้น่าจะขึ้นแซงนำทำให้ตลาดในไทยเป็นตลาดสมาร์ทโฟน Premium

“ตลาดสมาร์ทโฟนโดยรวมได้รับผลกระทบ แต่ในส่วนตลาด Premium กลับเติบโตเพราะในส่วนตลาดนี้ผู้มีกำลังซื้อไม่ได้รับผลกระทบและต้องการซื้อสมาร์ทโฟนที่มีนวัตกรรม มีเทคโนโลยีมาใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งมีเพียงซัมซุงและอีกแบรนด์ที่ยังมียอดขายเติบโต ส่วนแบรนด์อื่นๆ ได้รับผลกระทั้งหมด”
สำหรับการแนะนำ Galaxy S24 Series ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟน Galaxy AI ได้รับกระแสตอบรับเป็นปรากฏการณ์ใหม่ 2 สัปดาห์แรกมียอดพรีออเดอร์สูงึ้น 200% เมื่อเทียบกับ Galaxy S23 Seriesติ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงกระแสตอบรับเทรนด์เทคโนโลยีอันล้ำสมัย และการก้าวข้ามมายุคใหม่แห่งโทรศัพท์มือถือโดยมี AI เป็นปัจจัยหลัก
โดยัมซุงจะสร้างมาตรฐานใหม่เป็นอีกยุคใหม่ของสมาร์ทโฟนที่ ที่ผู้บริโภคมองว่าเป็นนวัตกรรมใหม่ที่จะทำให้ชีวิตสะดวกสบายและล้ำหน้าขึ้น
ซัมซุงได้เปิดเผยข้อมูลอินไซค์ การเติบโตของตลาด AI ทั่วโลก มีการเติบโตขึ้นเป็นอย่างมากโดยมีการคาดการณ์ว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งในตลาดโลกรวมถึงในประเทศไทย โดยการเติบโตของ Generative AI ทั่วโลกคาดว่าจะมีมูลค่ากว่า 1.3 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2575 และในปัจจุบัน Chat GPT มีผู้ใช้มากกว่า 180.5 ล้านคน โดยขนาดตลาด Generative AI ของประเทศไทยคาดการณ์ว่าจะมีอัตราการเติบโตรายปีที่ 23.46% ซึ่งส่งผลให้มูลค่าตลาดอยู่ที่ 1,084 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2573
โดยมากกว่า 1 ใน 3 หรือ 35% ของผู้บริโภคในประเทศไทยมีแนวโน้มที่จะใช้ AI ทั้งใช้กับชีวิตส่วนตัวและใช้เกี่ยวกับการทำงาน
ในยุคที่โลกถูกขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นด้านเทคโนโลยี AI ได้กลายเป็นหัวข้อสำคัญที่ไม่สามารถมองข้ามได้ ไม่เพียงแค่ปฏิวัติวงการเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ยังเปลี่ยนแปลงวิธีที่ใช้ชีวิตและการทำงานในปัจจุบันอีกด้วย

เทรนด์หลักของ AI ในปี 2024 ที่น่าสนใจโดยแบ่งเป็น 5 เทรนด์ดังนี้
เทรนด์ที่ 1: Generative AI เป็นการใช้ AI ในการสร้างคอนเทนต์ใหม่ๆ ได้หลากหลาย ตั้งแต่ข้อความไปจนถึงดนตรี มีแนวโน้มว่าปี 2569 องค์กรต่างๆ มากกว่า 80% จะนำ Generative AI ในการดำเนินงาน
ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดิมที่น้อยกว่า 5% ในปัจจุบัน
เทรนด์ที่ 2: BYOAI หรือ Shadow AI เป็นแนวโน้มใหม่ในที่ทำงานโดยพนักงานนำ AI ของตนเองเข้ามาใช้ในการทำงาน เกิดจากเครื่องมือ AI ที่ใช้งานง่ายและราคาไม่แพง โดยผลการรายงานจาก Forrester ระบุว่า
‘60% ของพนักงานจะใช้ AI มาช่วยทำงานในด้านต่างๆ มากขึ้น
เทรนด์ที่ 3: แอปพลิเคชั่นอัจฉริยะด้วย AI เฉพาะบุคคล ในปี 2569 1 ใน 3 ของแอปพลิเคชั่นทั้งหมดจะใช้ AI เพื่อสร้างอินเตอร์เฟชให้ผู้ใช้ได้ปรับแต่งเฉพาะบุคคลได้
เทรนด์ที่ 4: AI สำหรับการเขียนโค้ด งานบางอย่างถูกโยนไปให้ AI แก้ปัญหา หนึ่งในนั้นคือการเขียนโปรแกรม โดย Gartner ระบุว่า ‘ภายในปี 2571 บริษัทซอฟแวร์จะใช้ AI มาช่วยในการเขียนโค้ดจาก 3 ใน 4 ของบริษัททั้งหมด ซึ่งในปี 2566 พบว่ามีเพียง 1 ใน 10 เท่านั้น
เทรนด์ที่ 5: การค้นหาออนไลน์ด้วย AI ซึ่ง AI ปรับปรุงการค้นหาออนไลน์โดยให้ตรงกับความชอบของผู้ใช้ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องและแม่นยำมากยิ่งขึ้น หรือการค้นหาแบบสนทนาเพื่อให้การตอบโต้กับเครื่องมือการค้นหาได้อย่างธรรมชาติและรวมไปถึงการค้นหาด้วยภาพหรือวิดีโอ