

- กลุ่มดุสิตธานี นำทรัสต์ DREIT 6 เดือนแรกปี’65 กำไรพุ่ง 396%
- ได้ 5 ปัจจัยหนุน ลั่นแจกปันผลผู้ถือหุ้น 17.5 สตางค์/หน่วยทรัสต์
- ขานรับ 5 ธุรกิจ “ท่องเที่ยว-โรงแรม-อสังหาริมทรัพย์-การศึกษา-อาหาร” โตวันโตคืนหลังโควิด
นายวรนนท์ อัศวกิตติเมธิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดุสิตธานี พร็อพเพอร์ตี้ส์ รีท จำกัด ผู้จัดการกองทรัสต์ (REIT Manager) ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดุสิตธานี : DREIT หรือ กองทรัสต์ เปิดเผยว่าตลอด 6 เดือนปี 2565 กองทรัสต์มีรายได้รวมกว่า 234.66 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดียวกันกับปีก่อน 8% ทำกำไรสุทธิ187.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 396% จากระยะเวลาเดียวกับปีที่แล้วทำกำไรสุทธิไว้ 37.70 ล้านบาท
สาเหตุที่ครึ่งปีแรกบริษัททำกำไรเพิ่มขึ้นมากถึง 396 % มาจาก 5 ปัจจัย ได้แก่ 1.โครงการโรงแรมดุสิตธานี มัลดีฟส์ผลประกอบการดีต่อเนื่อง 2.ค่าเงินบาทอ่อนตัวตั้งแต่ต้นปีเป็นอานิสงส์ต่อธุรกิจโรงแรม 3.ผลการดำเนินงานทรัพย์สินในไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวตามลำดับ เนื่องจากนักท่องเที่ยวคลายความกังวลเกิดความมั่นใจกลับมาเดินทางมากขึ้นอีกครั้ง 4.นโยบายของรัฐปลดล็อกข้อจำกัดการเดินทางต่าง ๆ พร้อมประเทศเปิดประเทศเต็มรูปแบบ 5.อัตราการเข้าพักโรงแรมในกลุ่มดุสิตานีทำค่าเฉลี่ยได้ 50-60%
นายวรนันท์ ยืนยันว่า ปี 2565 จำนวนเงินจ่ายให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์จะสามารถจ่ายให้กับผู้ถือหน่วยทรัสต์ได้ไม่น้อยกว่าเดิม ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาจำนวนเงินจ่ายให้แก่ผู้ถือหน่วยทั้งในรูปแบบเงินปันผลและเงินลดทุน รวมประมาณ0.3880 บาทต่อหน่วย หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทน (Yield) 6.5% ต่อปี สูงกว่าอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยของกลุ่มอุตสาหกรรมประเภทเดียวกัน

ทั้งนี้คณะกรรมการบริษัทของผู้จัดการกองทรัสต์ มีมติอนุมัติจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือทรัสต์ในอัตรา 0.175 บาทต่อหน่วยทรัสต์ เป็นเงิน 124.51 ล้านบาท วันที่ 29 สิงหาคม 2565 กำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยทรัสต์ วันที่ 15 กันยายน 2565 กำหนดจ่ายปันผลแก่ผู้ถือทรัสต์ทั้งหมดของบริษัท
สำหรับ “ดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล” ก่อตั้งขึ้นปี 2491 ปัจจุบัน กลุ่มบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในประเทศไทย เป็นผู้นำธุรกิจแถวหน้าของประเทศทั้งด้านการท่องเที่ยวและโรงแรมพัฒนาการลงทุน 5 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ 1.ธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ท 2.ธุรกิจการศึกษา 3.ธุรกิจอาหาร 4.ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 5.ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการต้อนรับ
โดยเฉพาะธุรกิจหลัก อย่าง “โรงแรม รีสอร์ท วิลล่าหรู” ในไทย และทั่วโลก 16 ประเทศ รวมกว่า 300 แห่ง ภายใต้ 6 แบรนด์ ประกอบด้วย ดุสิตธานี, ดุสิตเดวาราณา ดุสิตดีทู ดุสิตปริ๊นเซส อาศัย และอีลิธฮาเวนส์
“ธุรกิจการศึกษา” เปิดโรงเรียนสอนประกอบการทำอาหาร วิทยาลัยการโรงแรมทั้งในประเทศไทยและฟิลิปปินส์
ขณะที่ ธุรกิจอาหาร ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจให้บริการอื่นๆ เป็นกลุ่มธุรกิจใหม่ที่บริษัทเพิ่งเริ่มกระจายการลงทุนได้ไม่กี่ปี ตั้งเป้าบริหารจัดการด้วยกลยุทธ์เติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว ครอบคลุมทั้ ง 3 ด้าน การสร้างความสมดุล การเติบโต และการกระจายความเสี่ยง ตามเทรนด์ของโลกยุคใหม่หลังโควิด-19 เรื่อง
โดย…#เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน #gurutourza, www.facebook.com/penroongyaisamsaen