

. นักลงทุนยังไม่มั่นใจภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ หลังผลกระทบวิกฤตภาคธนาคาร
.ตลาดหุ้นจับตาผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน กังวลออกมาแย่กว่าคาด
.ยอดขายบ้านมือสองปรับตัวลงในเดือน มี.ค.แต่ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานสูงกว่าคาด
เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เคลื่อนไหวที่ระดับ 33,848.15 จุด ลดลง 48.86 จุด หรือ -0.14% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 12,099.14 จุด ลดลง 58.09 จุด หรือ -0.48% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เคลื่อนไหวที่ระดับ 4,137.95 จุด ลดลง 16.57 จุด หรือ -0.40%
นักลงทุนวิตกต่อภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ รวมทั้งผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน โดยข้อมูลจาก Refinitiv IBES ระบุว่า นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า บริษัทในดัชนี S&P 500 จะรายงานตัวเลขกำไรลดลง 5.2% ในไตรมาส 1/2566 หลังจากคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าจะมีกำไรเพิ่มขึ้น 1.4% ในไตรมาสดังกล่าว โดยหุ้นเทสลาดิ่งลงวันนี้ หลังเปิดเผยผลประกอบการต่ำกว่าคาด และเป็นปัจจัยฉุดหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจทั้ง 12 เขต หรือ Beige Book เมื่อวานนี้ โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ประสบภาวะชะงักงันในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยการจ้างงานชะลอตัวลง ขณะที่ธนาคารพาณิชย์เพิ่มความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ หลังเกิดวิกฤตภาคธนาคารในช่วงที่ผ่านมา
ทั้งนี้ รายงาน Beige Book ดังกล่าว แตกต่างจากฉบับที่มีการเปิดเผยในเดือนมี.ค. ซึ่งบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงมีความแข็งแกร่ง แม้เฟดได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลายครั้งเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ
ขณะเดียวกัน สหรัฐฯเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่อ่อนแอในวันนี้ โดยเฟดสาขาฟิลาเดลเฟีย เปิดเผยดัชนีภาคการผลิตในภูมิภาคมิด-แอตแลนติก ปรับตัวลงสู่ระดับ -31.3 ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2563 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ -19.2 จากระดับ -23.2 ในเดือนมี.ค.
นอกจากนี้ สหรัฐเปิดเผยยอดขายบ้านมือสองปรับตัวลงในเดือน มี.ค. ขณะที่ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานสูงกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว
ตลาดจับตาถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายในวันนี้และพรุ่งนี้ ขณะที่เฟดจะเริ่มเข้าสู่ช่วงงดเว้นการแสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายการเงิน (Blackout Period) ในวันที่ 22 เม.ย. ก่อนที่เฟดจะจัดการประชุมกำหนดนโยบายในวันที่ 2-3 พ.ค. ซึ่งเป็นไปตามกฎระเบียบของเฟด
ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ที่จะมีการเปิดเผยในวันที่ 28 เม.ย. โดยดัชนีดังกล่าวเป็นข้อมูลเงินเฟ้อสำคัญตัวสุดท้ายก่อนที่เฟดจะจัดการประชุมนโยบายการเงินในเดือนพ.ค.