- นักลงทุนเห็นความชัดเจนการลงนามข้อตกลงการค้าเฟสแรกสหรัฐฯและจีน 15 ธ.ค.นี้
- ตลาดจับตาแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายทั่วโลกหวังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ
- ความตึงเครียดในตะวันออกกลางป็นปัจจัยลบสร้างความวิตกกัววล
เมื่อเวลาประมาณ 21.50 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวอยู่ที่ 28,865.48 จุด เพิ่มขึ้น 41.71 จุด +0.14%ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 9,207.81 จุด บวกเพิ่มขึ้น 28.95 จุด หรือ +0.32%และดัชนีเอสแอนด์พี 500 เคลื่อนไหวที่ 3,272.82 จุดเพิ่มขึ้น 7.47 จุด หรือ +0.23%
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงผันผวน จากทั้งปัจจัยบวกที่นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้น จากความชัดเจนที่สหรัฐฯ และจีนจะทำข้อตกลงการค้าเฟสแรก ขณะที่ความตึงเครียด ความรุนแรงและปัญหาการเมืองในตะวันออกกลาง ยังเป็นปัจจัยลบสร้างความวิตกกัววลในตลาด
นักลงทุนจับตาการลงนามข้อตกลงการค้าเฟสแรกระหว่างสหรัฐและจีนในวันพุธที่ 15 ม.ค.นี้ โดยนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน มีกำหนดนำคณะผู้แทนการค้าของจีนเดินทางไปยังกรุงวอชิงตันของสหรัฐในวันที่ 13 ม.ค.นี้ เพื่อลงนามในข้อตกลงการค้าเฟสแรกกับสหรัฐฯ
ทั้งนี้ ภายใต้ข้อตกลงการค้าเฟสแรก. ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ตกลงที่จะระงับแผนการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าครั้งใหม่จากจีน และจะลดภาษีบางส่วนที่เคยประกาศใช้ก่อนหน้านี้ ขณะที่จีนได้ตกลงที่จะเพิ่มการซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐ ขณะที่สหรัฐและจีนได้ตกลงกันที่จะจัดการประชุมทุกครึ่งปีเพื่อแก้ไขความขัดแย้งทางการค้า และผลักดันการปฏิรูป
ขณะที่ตัวเลขยอดขายรถยนต์ในจีนร่วงลงเป็นปีที่ 2 ในปี 2562 โดยได้รับผลกระทบจากการทำสงครามการค้ากับสหรัฐ ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และความต้องการซื้อรถยนต์ไฟฟ้า โดยสมาคมผู้ผลิตยานยนต์จีน (CAAM) เปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์ในปี 2562 ดิ่งลง 8.2% สู่ระดับ 25.8 ล้านคัน ส่วนในเดือนธ.ค. ยอดขายรถยนต์ลดลง 0.1% เมื่อเทียบรายปี ทำสถิติลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 18
ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังจับตาทิศทางดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ว่าจะมีการผ่อนคลายเพิ่มขึ้นหรือไม่ หลังจากที่ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ และกรรมการในคณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) หลายคนส่งสัญญาณว่า จะสนับสนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ย หากตัวเลขเศรษฐกิจไม่ได้บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจอังกฤษได้ฟื้นตัวขึ้น หรือเศรษฐกิจอังกฤษชะลอตัวลง
ทั้งนี้ BoE ยังไม่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนับตั้งแต่ปี 2559 และเป็นธนาคารกลางเพียงไม่กี่แห่งที่ได้คงอัตราดอกเบี้ยตลอดทั้งปี 2562
อย่างไรก็ตาม ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง การตอบโต้ทางการทหาร การคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจและความไม่ปลอดภัยของภัยไซเบอร์ ที่ยังเกิดต่อเนื่อง ยังเป็นแรงกดดันให้เกิดการขายหุ้นออกมาต่อเนื่องของนักลงทุนที่ขาดความเชื่อมั่นต่อการแก้ปัญหาทั้งสองฝ่าย ทั้งสหรัฐฯ และประเทศตะวันออกกลาง