ดาวโจนส์เคลื่อนไหวลบกว่า 40 จุด รอผลประชุมเฟด




. นักลงทุนจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) วันนี้
.นักวิเคราะห์คาดว่าเฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ย-คงมาตรการ QE
.ตลาดขาดปัจจัยหนุนใหม่ๆทำให้การซื้อขายไม่คึกคัก

เมื่อเวลา 22.00 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ระดับ 34,256.75 จุด ลดลง 42.58 จุด หรือ -0.12% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 14,099.40 จุด เพิ่มขึ้น 26.55 06f +0.19% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 4,244.67 จุด ลดลง 1.92 จุด หรือ -0.05%

นักลงทุนจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ แต่คาดว่าเฟดยังไม่ปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินในการประชุมครั้งนี้ โดยนักวิเคราะห์คาดว่าเฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% และยังคงเดินหน้าซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) วงเงิน 1.2 แสนล้านดอลลาร์/เดือนในการประชุมครั้งนี้ โดยเฟดมองว่าเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นในระยะนี้เป็นเพียงปัจจัยชั่วคราว

อย่างไรก็ตาม ตลาดติดตามการปรับประมาณการเศรษฐกิจสหรัฐ รวมทั้งอัตราดอกเบี้ย, อัตราเงินเฟ้อ และอัตราว่างงานในการประชุมวันนี้ ขณะที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด จะกล่าวถ้อยแถลงหลังการประชุม

ขณะเดียวกัน คาดว่าเฟดจะเริ่มหารือกันเกี่ยวกับการปรับลดวงเงิน QE ในการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 26-28 ส.ค. และจะเริ่มดำเนินการปรับลด QE ในเดือนธ.ค.หรือต้นปีหน้า ก่อนที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปี 2566

ทั้งนี้ ด้านเฟดสาขานิวยอร์ก เปิดเผยว่า ผลสำรวจผู้นำธุรกิจภาคบริการในนิวยอร์ก, นิวเจอร์ซีย์ และคอนเนกติกัต พบว่า ดัชนีธุรกิจภาคบริการปรับตัวขึ้น 4 จุด สู่ระดับ 43.2 ในเดือนมิ.ย. โดยการดีดตัวของดัชนีได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของการจ้างงานและค่าจ้าง ขณะที่ความเชื่อมั่นพุ่งใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ทำไว้ในเดือนพ.ค.

นอกจากนี้ ภาคธุรกิจมองว่าภาวะการดำเนินธุรกิจอยู่ในภาวะ “ปกติ” ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เริ่มขึ้นเมื่อต้นปีที่แล้ว

ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจอื่นๆ ที่เปิดเผยวันนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเพิ่มขึ้น 3.6% ในเดือนพ.ค.สู่ระดับ 1.572 ล้านยูนิต แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.630 ล้านยูนิต จากระดับ 1.517 ล้านยูนิตในเดือนเม.ย.
ส่วนการอนุญาตก่อสร้างบ้านลดลง 3.0% สู่ระดับ 1.681 ล้านยูนิตในเดือนพ.ค.

นอกจากนั้น กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคานำเข้าดีดตัวขึ้นมากกว่าคาดในเดือนพ.ค. โดยพุ่งขึ้น 1.1% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าดัชนีราคานำเข้าจะเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนพ.ค.และเมื่อเทียบรายเดือน และเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 7 เดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนเม.ย.

ด้านดัชนีราคาส่งออกพุ่งขึ้น 2.2% ในเดือนพ.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 1.1% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายปี ดัชนีราคาส่งออกพุ่งขึ้น 17.4% ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เริ่มมีการรวบรวมข้อมูลในเดือนก.ย.2526 หลังจากเพิ่มขึ้น 14.9% ในเดือนเม.ย.