

.มีแรงซื้อขายหุ้น ส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐผันผวนแกว่งตัวทั้งในแดนลบ และแดนบวกสลับกัน
.นักลงทุนผิดหวัง ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือน ก.ย.ออกมาสูงกว่านักวิเคราะห์คาด
.ตลาดจับตารายงานการประชุมของเฟดประจำเดือนก.ย.ที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้
เมื่อเวลาประมาณ 22.05 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เคลื่อนไหวที่ระดับ 29,392.61 จุด เพิ่มขึ้น
+153.42 จุด หรือ +0.52% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 10,421.07 จุด ลดลง 5.12 จุด หรือ -0.05% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เคลื่อนไหวที่ระดับ 3,593.55 จุด เพิ่มขึ้น 4.71 จุด หรือ +0.13%
บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นสหรัฐฯยังคงผันผวน แกว่งตัวทั้งในแดนลบและแดนบวก โดยมีแรงซื้อสะสมในหุ้นที่ราคาลดต่ำลงมาก และเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ที่ทยอยประกาศออกมา ขณะที่ยังกังวลการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯและภาวะเศรษฐกิจถดถอย
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต เพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.2% หลังจากลดลง 0.2% ในเดือนส.ค.
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PPI เพิ่มขึ้น 8.5% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 8.4% จากระดับ 8.7% ในเดือนส.ค.
นักลงทุนจับตารายงานการประชุมของเฟดประจำเดือนก.ย.ที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ และตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในวันพรุ่งนี้ เพื่อหาสิ่งบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด ทั้งนี้ ผลการสำรวจพบว่า ดัชนี CPI ยังคงบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อที่ร้อนแรงในเดือนก.ย. โดยดีดตัวขึ้นมากกว่า 8% ใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และการดีดตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ
นายโทเบียส เอเดรียน ผู้อำนวยการฝ่ายตลาดทุนและนโยบายการเงินของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ระบุเตือนว่า ความรู้สึกของนักลงทุนที่เปลี่ยนแปลงไปอาจส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทรุดตัวลงอีก 20% ซึ่งคำเตือนดังกล่าวสอดคล้องกับความเห็นของนายเจมี ไดมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเจพีมอร์แกน เชส ซึ่งได้กล่าวเตือนว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะถดถอยในอีก 6-9 เดือนข้างหน้า และดัชนี S&P 500 จะดิ่งลงอีก 20% โดยขึ้นอยู่กับว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สามารถจัดการภาวะเศรษฐกิจสหรัฐให้ชะลอตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป หรือทรุดตัวลงอย่างรุนแรง
บริษัทเป๊ปซี่โค เปิดเผยว่า บริษัทมีกำไรและรายได้ในไตรมาส 3 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยมีกำไรที่ระดับ 1.97 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.84 ดอลลาร์/หุ้น นอกจากนี้ บริษัทมีรายได้ 2.197 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.084 หมื่นล้านดอลลาร์