ดาวโจนส์ร่วงแรง 559 จุด นักลงทุนขายหุ้นแห่ลงทุนพันธบัตร



  • ตลาดหุ้นถูกแย่งความสนใจจากผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐพุ่งขึ้นต่อเนื่อง
  • นักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี แห่ลงทุนพันธบัตรแทน
  • ดัชนีร่วงแรง เมินตัวเลขว่างงานดีขึ้นมากในรอบ5เดือน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 25 ก.พ.ที่ 31,402.01 จุด ร่วงแรง 559.85 จุด หรือ -1.75%, ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 3,829.34 จุด ร่วงลง 96.09 จุด หรือ -2.45% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 13,119.43 จุด ร่วงลง 478.54 จุด หรือ -3.52%ดิ่งลงมากที่สุดในรอบ 4 เดือน

นักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่มีราคาสูงเพื่อนำเงินไปซื้อพันธบัตร หลังจากที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปี พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 ปีที่ 1.53%

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มสื่อสารในดัชนี S&P500 ร่วงลง 3.9% และ 2.3% ตามลำดับ หุ้นแอปเปิล, แอมะซอน, ไมโครซอฟท์, อัลฟาเบท, เฟซบุ๊ก และเน็ตฟลิกซ์ ร่วงลงราว 1.9-2.9%

นอกจากนี้ การเทขายหุ้นยังเกิดจากความไม่แน่นอนในตลาด ขณะที่ยังไม่มีความคืบหน้าใหม่ๆ เกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นด้านการคลังของสหรัฐ และใกล้จะสิ้นสุดฤดูการรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐแล้ว

หุ้นเทสลา อิงค์ ร่วง 5.5% หลังสื่อรายงานว่า เทสลาจะหยุดการผลิตรถยนต์ชั่วคราวที่โรงงานประกอบรถยนต์ในรัฐแคลิฟอร์เนีย

อย่างไรก็ตามหุ้นโมเดอร์นา พุ่งขึ้น 4.6% สวนทางตลาด หลังคาดการณ์ว่า บริษัทจะมียอดขายวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ราว 1.84 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีนี้

นักลงทุนเมินตัวเลขคนว่างงานมี่ดีขึ้น โดนกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ลดลงสู่ระดับ 730,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่สัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 28 พ.ย.2563 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 845,000 ราย

ขณะที่ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 4/2563 โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 4.1% โดยปรับตัวดีกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ที่ระดับ 4.0% และกระทรวงพาณิชย์สหรัฐยังเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป พุ่งขึ้น 3.4% ในเดือนม.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 1.2% ในเดือนธ.ค.

อย่างไรก็ตาม สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ลดลง 2.8% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่า อาจจะทรงตัวในเดือนดังกล่าว