ดาวโจนส์ร่วงลงกว่า 170 จุด นักลงทุนขายหุ้น ก่อนปิดวันขอบคุณพระเจ้า



.นักลงทุนขายหุ้นออกมาเพื่อลดความเสี่ยง ก่อนที่ตลาดหุ้นจะปิดทำการวันขอบคุณพระเจ้า
.อัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่พุ่งต่อเนื่อง ส่งผลให้หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลดลง
.ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงต่ำสุดในรอบ 50 ปี

เมื่อเวลาประมาณ 21.55 น. ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ระดับ 35,641.36 จุด ลดลง
172.44 จุดหรือ -0.48% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 15,645.61 จุด ลดลง 129.53 จุด หรือ -0.82% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 4,663.90 จุด ลดลง 26.80 จุด หรือ -0.57%

ตลาดหุ้นสหรัฐปรับฐาน นักลงทุนขายหุ้นออกมาเพื่อลดความเสี่ยง ก่อนที่ตลาดหุ้นสหรัฐจะปิดทำการในวันพรุ่งนี้ เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า และจะเปิดทำการซื้อขายเพียงครึ่งวันในวันศุกร์ ขณะที่การพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรได้สร้างแรงกดดันต่อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีให้ลดลงต่อเนื่อง

นักลงทุนจับตามผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน รวมทั้งรายงานการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประจำวันที่ 2-3 พ.ย. โดยกังวลว่า ภาวะเศรษฐกิจที่ขยายตัวดี ขณะที่อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจะทำให้เฟดลดแรงกระตุ้นและขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด อย่างไรก็ดี ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ประกาศออกมาในวันนี้ยังแสดงการฟื้นตัวอย่างต่อเน่ื่อง

โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 71,000 ราย สู่ระดับ 199,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 15 พ.ย.2512 หรือต่ำสุดในรอบกว่า 50 ปี โดยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานดังกล่าวต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 260,000 ราย และปรับตัวลงเป็นสัปดาห์ที่ 8 ติดต่อกัน

ขณะเดียวกัน กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องลดลง 60,000 ราย สู่ระดับ 2.05 ล้านราย ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในเดือนมี.ค.2563

ด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3/2564 ในวันนี้ โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัว 2.1% โดยสูงกว่าตัวเลขประมาณการครั้งแรกที่ระดับ 2.0% แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.2%

ทั้งนี้ เศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงในไตรมาส 3 ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา และการขาดแคลนวัตถุดิบในภาคการผลิต ซึ่งกระทบต่อห่วงโซ่อุปทาน ทำให้ยอดขายรถยนต์ และตัวเลขการใช้จ่ายของผู้บริโภคลดลง

ด้านแก๊ป อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกเครื่องแต่งกายรายใหญ่ของสหรัฐ เปิดเผยกำไรและรายได้ต่ำกว่าคาดในไตรมาส 3 โดย รายงานกำไรที่ระดับ 27 เซนต์/หุ้น ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 50 เซนต์/หุ้น โดยมีรายได้ที่ระดับ 3.94 พันล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.44 พันล้านดอลลาร์