- นักลงทุนเทขายสินทรัพย์ปลอดภัยหันกลับมาซื้อหุ้น- น้ำมันเพิ่มขึ้น
- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทะยานทำลายสถิติใหม่รวดทั้ง 3 ตลาด
- ทั่วโลกเชื่อมั่นไวรัสโคโรนาเริ่มชะลออัตราการแพร่ระบาดลง และถูกคุมได้ในที่สุด
เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น.ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวอยู่ที่ 29,503.03 จุด ทะยานขึ้นแรง 226.69 จุด หรือ +0.77% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 9,677.03 จุด เพิ่มขึ้น 38.09 จุด +0.40% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เคลื่อนไหวอยู่ที่ 3,375.69 จุด เพิ่มขึ้น 17.94 จุด หรือ+0.53%
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เปิดตลาดทำนิวไฮ ทำลายสถิติสูงสุดเดิมทั้ง 3 ตลาด หลังจากที่แกว่งตัวในช่วงแคบมาหลายวัน เพื่อรอดูสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา และผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีน เศรษฐกิจโลก และเศรษกิจสหรัฐ
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เปิดตลาดพุ่งแรง ตามตลาดหุ้นในยุโรป และเอเชีย นักลงทุนคลายกังวลการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนา หลังอัตราการติดเชื้อไม่รุนแรงขึ้น และมีแนวโน้มลดลง ในขณะที่คาดว่า สถานการณ์ที่รุนแรงที่สุดของการแพร่ระบาดจะอยู่ภายในเดือนนี้ และลดลงต่อเนื่องในเดือนต่อไป และเริ่มเห็นความสำเร็จที่ชัดเจนขึ้นของยาต้านไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่นี้ ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาวะการท่องเที่ยว การใช้จ่าย และเศรษฐกิจทั่วโลก
นักลงทุนเริ่มเทขายสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ทองคำ เพื่อซื้อสินทรัพย์เสี่ยง เช่น หุ้นมากขึ้น ขณะที่ราคาน้ำมันดิบโลกเพิ่มขึ้นเช่นกัน ทำความมั่นใจต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่มีเพิ่มขึ้นในอนาคต หลังการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา อยู่ในการควบคุมมากขึ้น
ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ประกาศออกมาวันนี้ สมาคมนายธนาคารเพื่อการจำนอง (MBA) ของสหรัฐ เปิดเผยว่า จำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการจำนองเพิ่มขึ้น 1.1% ในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่จำนวนผู้ที่ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการรีไฟแนนซ์เพิ่มขึ้น 5% และทะยานขึ้น 207% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการซื้อที่อยู่อาศัยลดลง 6% แต่เพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
นักลงทุนยังพอใจกับถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แสดงมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจและตลาดแรงงานของสหรัฐ โดยระบุว่า เฟดกำลังจับตาผลกระทบของไวรัสโควิด-19 ที่จะมีต่อเศรษฐกิจจีนและทั่วโลก
เศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด แต่ยังไม่เปลี่ยนมุมมองนโยบายการเงิน เพราะเศรษฐกิจสหรัฐยังมีการขยายตัวปานกลาง และขยายตัวในระยะต่อไป ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานที่ช่วยสนับสนุนการใช้จ่ายของภาคครัวเรือนก็ยังคงมีความแข็งแกร่ง และตลาดแรงงานมีการจ้างงานจำนวนมาก
โดยคาดว่า การแถลงการณ์ต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาในวันนี้ ของนายพาวเวลล์ จะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน