

. ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือน ก.ย. ดีดตัวขึ้น 6.2% ในเดือนก.ย. ต่ำกว่าคาด
.หุ้นกลุ่มพลังงานมีแรงซื้อคึกคัก ผลประกอบการไตรมาส 3 สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
.นักลงทุนคาดเฟด เริ่มแตะเบรคการขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค.
เมื่อเวลาประมาณ 22.15 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เคลื่อนไหวที่ระดับ 32,640.70 จุด พุ่งแรง
607.42 จุด หรือ +1.90% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 10,989.23 จุด เพิ่มขึ้น 196.55 จุด หรือ +1.82% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เคลื่อนไหวที่ระดับ 3,867.40 จุด เพิ่มขึ้น 60.10 จุด หรือ +1.58%
ตลาดหุ้นสหรัฐคึกคัก นักลงทุนกลับมาซื้อหุ้น หลังดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ซึ่งบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อของสหรัฐได้ผ่านจุดสูงสุดแล้ว และจะลดแรงกดดันในการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยนักลงทุนเพิ่มคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.50% ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในเดือนธ.ค.
สำนักงานสถิติกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนี PCE ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ดีดตัวขึ้น 6.2% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายปี หลังจากปรับตัวขึ้น 6.2% เช่นกันในเดือนส.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.3%
เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PCE ทั่วไป เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก.ย. สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากดีดตัวขึ้น 0.3% เช่นกันในเดือนส.ค.
ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้น 5.1% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.2% แต่สูงกว่าระดับ 4.9% ในเดือนส.ค.
เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PCE พื้นฐานเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนก.ย. สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนส.ค.
หุ้นกลุ่มพลังงานต่างดีดตัวขึ้นในวันนี้ หลังเปิดเผยกำไรและรายได้ในไตรมาส 3 สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่พุ่งขึ้น นับตั้งแต่ที่รัสเซียส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครนในเดือนก.พ.
นอกจากนั้น ผลประกอบการที่ออกมาดี ทำให้ราคาหุ้นบริษัทเอ็กซอน โมบิล คอร์ป และเชฟรอน คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันรายใหญ่ของสหรัฐพุ่งขึ้น
บริษัทเอ็กซอนเปิดเผยว่า บริษัทมีกำไรในไตรมาส 3 สูงเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา 152 ปี โดยมีกำไร 1.97 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือราว 746,000 ล้านบาท โดยบริษัทมีกำไร 4.68 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.86 ดอลลาร์/หุ้น ขณะที่มีรายได้ 1.12 แสนล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.05 แสนล้านดอลลาร์
ด้านเชฟรอนเปิดเผยว่า บริษัทมีกำไร 1.12 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาส 3 ซึ่งเป็นกำไรสูงเป็นอันดับ 2 นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท และสูงเกือบ 2 เท่าจากช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว ซึ่งอยู่ที่ระดับ 6.1 พันล้านดอลลาร์ โดยมีกำไร 5.78 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 4.86 ดอลลาร์/หุ้น และมีรายได้ 6.664 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 5.736 หมื่นล้านดอลลาร์