

- ตลาดหุ้นสหรัฐยังคงกังวลการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด-สถานการณ์รุนแรงในยูเครนทุบเศรษฐกิจ
- นักลงทุนได้เข้าช้อนซื้อหุ้นในช่วงท้ายตลาด หลังที่่ผ่านมาราคาร่วงไปมาก -เก็งกำไรผลประกอบการ
- ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกสัปดาห์ที่แล้ว ลดลงอยู่ในระดับต่ำสุดรอบ 53 ปี
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 7 เม.ย.ที่ 34,583.57 จุด เพิ่มขึ้น 87.06 จุด หรือ +0.25%, ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 4,500.21 จุด เพิ่มขึ้น 19.06 จุด หรือ + 0.43% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 13,897.30 จุด เพิ่มขึ้น 8.48 จุด หรือ + 0.06%
ในช่วงแรกของการเปิดตลาดหุ้น ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงต่อเนื่อง นักลงทุนขายหุ้นออกมาเป็นวันที่ 3 เพื่อลดความเสี่ยงจากความกังวลเกี่ยวกับการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ขณะที่ติดตามการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ยังคงไม่คืบหน้า ในขณะที่การสู้รบได้ย่างเข้าสู่เดือนที่ 2
อย่างไรก็ดี นักลงทุนได้เข้าช้อนซื้อหุ้นในช่วงท้ายตลาด โดยเฉพาะหุ้นเทคโนโลยีที่ราคาต่ำลงมาก นอกจากนั้น ยังมีแรงซื้อหุ้นเพื่อเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาสแรกของบริษัทจดทะเบียน โดยในสัปดาห์หน้าจะเป็นการรายงานผลประกอบการของธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐ
หุ้นเทสลา ดีดตัวขึ้น 1.1% หุ้นไมโครซอฟท์ บวก 0.62% หุ้นแอปเปิล เพิ่มขึ้น 0.18% หุ้นเอชพี (HP) ทะยานขึ้น 14.77% ขานรับรายงานที่ว่า บริษัทเบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ ของนายวอร์เรน บัฟเฟตต์ ได้เข้าซื้อหุ้นบริษัทเอชพีจำนวน 121 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่าราว 4.2 พันล้านดอลลาร์
ขณะเดียวกันยังมีแรงซื้อหุ้นที่ปลอดภัยและสามารถต้านทานวัฎจักรทางเศรษฐกิจได้ดี (Defensive Stocks) เช่นหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ โดยหุ้นแอ๊บบอต ลาบอแรตอรีส พุ่งขึ้น 2.78% หุ้นเมอร์ค แอนด์ โค พุ่งขึ้น 2.14% หุ้นยูไนเต็ดเฮลธ์ ปรับตัวขึ้น 0.98% หุ้นโมเดอร์นา พุ่งขึ้น 2.83%
หุ้นไฟเซอร์ พุ่งขึ้น 4.33% หลังมีรายงานว่า ไฟเซอร์เตรียมซื้อกิจการบริษัท ReViral Ltd ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์ที่มุ่งเน้นการพัฒนายาต้านโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ โดยคาดว่ามูลค่าการซื้อกิจการครั้งนี้อาจสูงถึง 525 ล้านดอลลาร์
หุ้นกลุ่มสินค้าผู้บริโภคได้รับแรงซื้อเช่นกัน โดยหุ้นพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (P&G) พุ่งขึ้น 1.29% หุ้นไทสัน ฟู้ดส์ เพิ่มขึ้น 0.64% หุ้นคราฟท์ ไฮนซ์ บวก 0.67% หุ้นฟิลลิป มอร์ริส อินเตอร์เนชั่นแนล ปรับตัวขึ้น 0.66%
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 5,000 ราย สู่ระดับ 166,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 53 ปีนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2511 และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 200,000 รายสะท้อนตลาดแรงงาน และภาพรวมการฟื้นตัวเศรษฐกิจที่ยังดีต่อเนื่อง