

.ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังอ่อนไหว นักลงทุนเทขายหุ้นออกมาเพื่อลดความเสี่ยง
.การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐพุ่งขึ้น 497,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. สูงสุดในรอบเกือบ 1 ปี
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรพุ่งขึ้น สอดรับนักลงทุนคาดเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยต่อลดความร้อนแรง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 6ก.ค.ที่ 33,922.26 จุด ลดลง 366.38 จุด หรือ -1.07%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,411.59 จุด ลดลง 35.23 จุด หรือ -0.79% ส่วนดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 13,679.04 จุด ลดลง 112.61 จุด หรือ -0.82%
นักลงทุนเทขายหุ้นออกมาอย่างหนัก หลังเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังแสดงผลที่ดี ซึ่งจะหนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุก
ทั้งนี้ ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐพุ่งขึ้น 497,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบเกือบ 1 ปี และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 220,000 ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มขึ้น 267,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค.
ขณะที่สำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) ประจำเดือนพ.ค. พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงานอยู่ที่ระดับ 9.824 ล้านตำแหน่ง ซึ่งแม้ว่าลดลง 496,000 ตำแหน่ง แต่ตัวเลขดังกล่าวยังคงอยู่ในระดับที่สูง
นักลงทุนให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นกว่า 90% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 25-26 ก.ค. และมีความเป็นไปได้ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในการประชุมเดือนพ.ย.
นักวิเคราะห์กังวลว่า เมื่อพิจารณาถึงความมุ่งมั่นของเฟดที่ต้องการจะชะลอความร้อนแรงของตลาดแรงงานและฉุดเงินเฟ้อให้กลับสู่เป้าหมายของเฟดแล้ว ข้อมูลตลาดแรงงานของสหรัฐที่แข็งแกร่ง จะเป็นปัจจัยผลักดันให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปอีกเป็นเวลานานขึ้น
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ซึ่งมีความอ่อนไหวต่อนโยบายการเงินของเฟด พุ่งขึ้นทะลุระดับ 5% แตะระดับสูงสุดในรอบ 16 ปี และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นทะลุระดับ 4% ท่ามกลางความกังวลว่าข้อมูลแรงงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐจะผลักดันให้เฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง 2.5% โดยหุ้นเชฟรอน ร่วงลง 2.19% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ดิ่งลง 3.58% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ลดลง 0.57% หุ้นออคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม ร่วงลง 2.17%
หุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 3.73% หลังจากบริษัทคาดการณ์ว่ากำไรจากการดำเนินงานในไตรมาส 2/2566 จะปรับตัวลดลง เนื่องจากราคาก๊าซธรรมชาติชะลอตัวลง
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันนี้ เวลา 19.30