ดาวโจนส์ปิดบวก160จุด ขานรับเฟดเปลี่ยนเป้าหมายเงินเฟ้อ กระตุ้นเศรษฐกิจ



  • เฟดจ่อใช้”เป้าหมายเงินเฟ้อเฉลี่ย”ส่งผลให้ขึ้นดอกเบี้ยได้ช้าลง แม้เศรษฐกิจฟื้น
  • หุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งแรง รับนโยบายการเงินใหม่
  • นักลงทุนเทขายทำกำไรหุ้นเทคโนโลยี กดแนสแด็กติดลบ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 27 ส.ค.ที่ 28,492.27 จุด เพิ่มขึ้น 160.35 จุด หรือ +0.57% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 3,484.55 จุด เพิ่มขึ้น 5.82 จุด หรือ +0.17% ขณะที่ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดลดลง 39.72 จุด หรือลดลง -0.34%
ที่ 11,625.34 จุด

ตลาดมั่นใจว่า เฟดจะมีการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง หลังนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)ประกาศปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินครั้งสำคัญ โดยจะเปลี่ยนแปลงแนวทางในการกำหนดเป้าหมายเงินเฟ้อ ซึ่งจะเปิดทางให้เงินเฟ้อดีดตัวขึ้นมากกว่าเดิม สนับสนุนตลาดแรงงานและเศรษฐกิจสหรัฐ

โดยการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินดังกล่าว ส่งผลให้เฟดมีแนวโน้มน้อยลงที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่ออัตราว่างงานลดลง ตราบใดที่อัตราเงินเฟ้อไม่ได้ดีดตัวขึ้น

นายพาวเวลกล่าวว่า เฟดจะใช้เครื่องมือใหม่ที่เรียกว่า “เป้าหมายเงินเฟ้อเฉลี่ย” ซึ่งจะทำให้อัตราเงินเฟ้อมีความยืดหยุ่น และสามารถดีดตัวขึ้นเหนือ 2% แทนที่จะกำหนดเป้าหมายตายตัวที่ 2%

หุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้น หลังการประกาศปรับนโยบายการเงินของเฟดส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเจพีมอร์แกน เชส ทะยานขึ้น 3.3% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา พุ่งขึ้น 1.96% หุ้นซิตี้กรุ๊ป เพิ่มขึ้น 1.71% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ บวก 1.41% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ดีดขึ้น 1.74%

ตลาดยังได้แรงหนุนจากข่าวแอ๊บบอต ลาบอแรตอรีส ได้รับการอนุมัติอย่างเป็นทางการจากสำนักงานอาหารและยาสหรัฐ (FDA) ให้จำหน่ายแผ่นทดสอบแอนติเจนแบบพกพาเพื่อใช้ในการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ซึ่งสามารถให้ผลการทดสอบภายใน 15 นาที โดยหุ้นแอ๊บบอต ลาบอแรตอรีส พุ่งขึ้น 7.9%

หุ้นกลุ่มธุรกิจเรือสำราญ ปรับตะวเพิ่มขึ้น โดยหุ้นคาร์นิวัล คอร์ป ทะยานขึ้น 5.5% หุ้นนอร์วีเจียน ครูซ ไลน์ โฮลดิ้งส์ พุ่งขึ้น 5.85% และหุ้นรอยัล แคริบเบียน พุ่งขึ้น 5.9%

หุ้นวอลมาร์ท พุ่งขึ้น 4.55% หุ้นไมโครซอฟท์ พุ่งขึ้น 2.46% หลังจากวอลมาร์ทยืนยันว่าจะร่วมมือกับไมโคซอฟท์ เพื่อเสนอซื้อกิจการติ๊กต็อก (TikTok) แอปพลิเคชันวิดีโอสั้นยอดนิยมของจีน

อย่างไรก็ตาม ในส่วนตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาไม่ข่วยหนุนความมั่นใจตลาด โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจำนวน 1.006 ล้านรายในสัปดาห์ที่แล้ว สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากมีการรายงานจำนวน 1.104 ล้านรายในสัปดาห์ก่อนหน้านี้

ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 สำหรับตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 2/2563 โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐหดตัวลง 31.7% ซึ่งเป็นการหดตัวรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ที่สหรัฐเริ่มมีการรวบรวมข้อมูลดังกล่าวในปี 2490 หรือกว่า 70 ปีก่อนหน้านี้ หลังจากหดตัว 5% ในไตรมาส 1

ขณะที่หุ้นบริษัทยักษ์ใหญ่ในกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงเนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไร โดยหุ้นเฟซบุ๊ก ร่วงลง 3.5% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ดิ่งลง 3.8% หุ้นแอปเปิล ปรับตัวลง 1.2% หุ้นแอมะซอน ลดลง 1.2% หุ้นอัลฟาเบท ลบ 0.95%