

- ธนาคารรายใหญ่ 11 แห่ง ประกาศลงขันอัดฉีดเงิน 3 หมื่นล้านดอลลาร์สร้างความเชื่อมั่น FRB
- นักลงทุนกลับมาซื้อหุ้น เริ่มคลายกังวลแบงก์สหรัฐฯ ไม่ล้มเป็นโดมิโน
- ตลาดหุ้นคาดธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) หยุดขึ้นดอกเบี้ยนโยบายชั่วคราว
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 16 มี.ค.ที่ 32,246.55 จุด พุ่งขึ้น 371.98 จุด หรือ +1.17%, ดัชนีS&P500 ปิดที่ 3,960.28 จุด เพิ่มขึ้น 68.35 จุด หรือ +1.76% ส่วนดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 11,717.28 จุดเพิ่มขึ้น 283.22 จุด หรือ +2.48%
นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ในภาคธนาคาร หลังจากธนาคารรายใหญ่ในตลาดหุ้น 11 แห่ง อาทิเช่นแบงก์ ออฟ อเมริกา, เวลส์ ฟาร์โก, ซิตี้กรุ๊ป เจพีมอร์แกน โกลด์แมน แซคส์ และมอร์แกน สแตนลีย์ ประกาศอัดฉีดเงินรวมกันมูลค่า 3 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับธนาคารเฟิร์สท์ รีพับลิค แบงก์ (First Republic Bank) หรือ FRB ซึ่งเป็นธนาคารในระดับภูมิภาคของสหรัฐ
ข่าวดังกล่าวเป็นปัจจัยหนุนหุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้น โดยหุ้นเจพีมอร์แกน และหุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ปรับตัวขึ้น 1.94% และ1.89% ตามลำดับ นอกจากนี้ ยังช่วยหนุนหุ้นธนาคารระดับภูมิภาค โดยหุ้น FRB ทะยานขึ้น 9.98% หุ้นอัลลิอันซ์แบงคอร์ป พุ่งขึ้น 14.09% และหุ้นแพคเวสต์ แบงคอร์ป ดีดตัวขึ้น 0.7%
ส่วนดัชนี KBW regional banking index ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารระดับภูมิภาค พุ่งขึ้น 3.26% ขณะที่ดัชนีS&P500 banking index ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารที่คำนวณใน S&P500 พุ่งขึ้น 2.16%
หุ้นธนาคารเครดิต สวิส ฟื้นตัวขึ้นเช่นกัน หลังจากเครดิต สวิส ประกาศขอกู้ยืมเงินจากธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์จำนวน 5 หมื่นล้านฟรังก์ (5.368 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ภายใต้โครงการจัดหาเงินกู้แบบครอบคลุมและการจัดหาสภาพคล่องในระยะสั้น
ตลาดคาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.25% ในการประชุมสัปดาห์หน้า และจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย. ซึ่งเร็วกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ว่าเฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2567
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้นรับข่าวการชะลอปรับขึ้นดอกเบี้ย โดยหุ้นอัลฟาเบท พุ่งขึ้น 4.38% หุ้นแอปเปิ้ล บวก1.87% หุ้นไมโครซอฟท์ พุ่งขึ้น 4.05% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ พุ่งขึ้น 3.06%
ส่วนหุ้นเมตา แพลตฟอร์มส์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเฟซบุ๊ก และหุ้นสแนป อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของแอปพลิเคชัน สแนปแชท พุ่งขึ้น 3.63% และ 7.25% ตามลำดับ โดยได้แรงหนุนจากการที่รัฐบาลสหรัฐมีแนวโน้มที่จะแบนการใช้งานติ๊กต๊อก (TikTok) ซึ่งเป็นคู่แข่งเมตาและสแนป