ดาวโจนส์ปิดบวกเล็กน้อย 6 จุด จับตาประชุมเฟดเริ่มคืนนี้

.นักลงทุนชะลอการซื้อขาย รอดูทิศทางดอกเบี้ย จากการประชุมเฟด

.ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเริ่มการประชุมนโยบายการเงินคืนนี้ โดยประชุมจัดขึ้นเป็นเวลา2วัน

.ตลาดจับตาการพิจารณากฎหมายงบประมาณรัฐบาลกลางสหรัฐล่าช้า

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตชาดวันที 18ก.ย.ที่ 34,624.30 จุด เพิ่มขึ้น 6.06 จุด หรือ +0.02%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,453.53 จุด เพิ่มขึ้น 3.21 จุด หรือ +0.07% ส่วนดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 13,710.24 จุด เพิ่มขึ้น 1.90 จุด หรือ +0.01%

ตลาดหุ้นปิดบวกเล็กน้อยทั้งสามตลาดท่ามกลางการซื้อขายที่แกว่งตัวแคบๆ ทั้งในแดนบวกและลบ ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รวมทั้งการพิจารณาร่างกฎหมายงบประมาณในสภาคองเกรสสหรัฐ

ภาวะการซื้อขายในตลาดเป็นไปอย่างผันผวน ก่อนที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) จะเริ่มการประชุมในวันอังคารที่ 19 ก.ย. และแถลงมติการประชุมในวันพุธที่ 20 ก.ย.ตามเวลาสหรัฐ โดยล่าสุดนักลงทุนให้น้ำหนักเกือบ 100% ในการคาดการณ์ว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมครั้งนี้ และให้น้ำหนัก 69% ที่เฟดจะยังคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับเดิมในการประชุมเดือนพ.ย.

ในการประชุมนโยบายการเงินครั้งนี้ เฟดจะเปิดเผยคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟด (Dot Plot) รวมทั้งตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อ การว่างงาน และการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ นอกจากนี้ นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด จะจัดการแถลงข่าวหลังการประชุมเพื่อชี้แจงทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด

ตลาดยังถูกกดดันหลังการพิจารณาร่างกฎหมายงบประมาณของรัฐบาลกลางสหรัฐมีความล่าช้า และอาจจะส่งผลให้หน่วยงานของสหรัฐถูกปิดการดำเนินงานหรือชัตดาวน์ ขณะที่นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐเตือนว่าการชัตดาวน์หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐจะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐสูญเสียแรงขับเคลื่อน ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่สหรัฐไม่ต้องการให้เกิดขึ้น

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศลดอันดับเครดิตสากลระยะยาวสกุลเงินต่างประเทศ (Long-Term Foreign-Currency Issuer Default Rating) ของสหรัฐ ลงสู่ระดับ AA+ จากระดับ AAA โดยระบุว่า ภาวะชะงักงันทางการเมืองส่งผลให้หนี้สินของสหรัฐพุ่งชนเพดานหลายครั้ง และส่วนใหญ่จะรอดพ้นการผิดนัดชำระหนี้ในนาทีสุดท้าย ซึ่งสถานการณ์เหล่านี้ได้บั่นทอนความเชื่อมั่นในด้านการบริหารการคลัง

หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น หลังจากราคาน้ำมัน WTI ทะยานขึ้นเหนือระดับ 91 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อคืนนี้ และเป็นหุ้นที่พุ่งขึ้นแข็งแกร่งที่สุดในดัชนี S&P500 ขณะที่หุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยปรับตัวลดลง

หุ้นอาร์ม โฮลดิงส์ (Arm Holdings) ซึ่งเป็นบริษัทออกแบบชิปในเครือของซอฟต์แบงก์ กรุ๊ป ร่วงลง 4.5% หลังจากนักวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ Bernstein ระบุว่า หุ้นอาร์มมีแนวโน้มให้ผลตอบแทนต่ำกว่าตลาด (Underperform)

ทั้งนี้ สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐรายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านปรับตัวลง 5 จุด สู่ระดับ 45 ในเดือนก.ย. โดยดัชนีอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 นับเป็นครั้งแรกในรอบ 7 เดือน ซึ่งบ่งชี้ถึงมุมมองลบของกลุ่มผู้สร้างบ้าน