- ตลาดได้ปัจจัยบวกหลังประธานเฟดระบุเศรษฐกิจสหรัฐแกร่ง
- เฟดยอมรับไวรัสโคโรนาอาจมีผลกระทบเศรษฐกิจโลก-สหรัฐ
- นักลงทุนเล่นหุ้นตามปัจจัยรายตัว รอสถานการณ์ไวรัสคลี่คลาย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 11ก.พ.ที่ 29,276.34 จุด ลดลง 0.48 จุด หรือ -0.00% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 3,357.75 จุด เพิ่มขึ้น 5.66 จุด หรือ +0.17% ขณะที่ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 9,638.94 จุด เพิ่มขึ้น 10.55 จุด หรือ +0.11%
ดัชนีดาวโจนส์ปิดทรงตัว ในขณะที่อีก2 ตลาดยังปิดเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
นักลงทุนมีมุมมองด้านบวก หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวานนี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัวปานกลาง ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานที่ช่วยสนับสนุนการใช้จ่ายของภาคครัวเรือนก็ยังคงมีความแข็งแกร่ง และตลาดแรงงานมีการจ้างงานจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม เฟดกำลังจับตาผลกระทบของไวรัสโคโรนาที่จะมีเศรษฐกิจจีนและทั่วโลก ซึ่งอาจจกระทบเศรษฐกิจสหรัฐ
ขณะที่สถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนามีทิศทางที่ดีขึ้น หลังตัวเลขผู้ติดเชื้อเริ่มมีอัตราการติดเชื้อที่ชะลอตัวลง และคาดกันว่า จะค่อยๆลดลงหลังพ้นเดือนก.พ.นี้ไปแล้ว
หลังจากศาลสหรัฐอนุมัติให้ทั้งสองบริษัทควบรวมกิจการกัน หุ้นที-โมบาย (T-Mobile) พุ่งขึ้น 11.78% ขณะที่หุ้นสปรินท์ (Sprint) ทะยานขึ้น 77.32%
หุ้นโฮมดีโปท์ ปรับตัวขึ้น 0.4% หลังจากบริษัทประกาศจ้างงานจำนวน 80,000 ตำแหน่งสำหรับเทศกาลในช่วงฤดูใบไม้ผลิ
หุ้นอันเดอร์ อาร์เมอร์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องกีฬาและเสื้อผ้ากีฬารายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 18.8% หลังจากบริษัทออกแถลงการณ์เตือนว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาในจีนอาจกระทบยอดขายราว 50-60 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรกของปี
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง โดยหุ้นไมโครซอฟท์ ร่วงลง 2.2% หุ้นเฟซบุ๊ก ดิ่งลง 2.7% หุ้นแอปเปิล ลดลง 0.6% หุ้นไมครอน เทคโนโลยี ลดลง 0.14%