

.นักลงทุนคาดการณ์ 100%เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้
.ตลาดติดตามผลกระทบทางเศรษฐกิจ หลังราคาน้ำมันดิบโลกพุ่งไม่หยุด
.นักลงทุนจับตาทิศทางดอกเบี้ยลุ้นผลประชุมเฟด-ถ้อยแถลงพาวเวล
เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ระดับ 34,615.18 จุด ลดลงเล็กน้อย 3.06 จุด หรือ 0.01% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เคลื่อนไหวที่ 4,453.61 จุด เพิ่มขึ้น 3.29 จุด หรือ 0.07% ขณะที่ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส อยู่ที่ 13,707.32 จุด ลดลง 1.02 จุด เพิ่มขึ้น 0.01%
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทรงตัว แกว่งเล็กน้อยทั้งในแดนลบและบวก จับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะเริ่มคืนวันพรุ่งนี้ โดยนักลงทุนเทน้ำหนักเกือบ 100% ในการคาดการณ์ว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์นี้
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 99.0% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 19-20 ก.ย. และให้น้ำหนักเพียง 1.0% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.50-5.75%
โดยในการประชุมนโยบายการเงินรอบนี้ เฟดจะเปิดเผยคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟด (dot plot) รวมทั้งตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อ การว่างงาน และการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ รวมทั้งจะมีการแถลงข่าวหลังการประชุมเพื่อชี้แจงทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด
นอกจากนั้น นักลงทุนยังจับการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ขณะที่ซิตี้กรุ๊ปออกรายงานคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.50% ในการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 21 ก.ย. ก่อนที่จะยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในวัฏจักรปัจจุบัน
รายงานดังกล่าวสอดคล้องกับถ้อยแถลงของนายแอนดรูว์ เบลีย์ ผู้ว่าการ BoE ซึ่งกล่าวก่อนหน้านี้ว่า อัตราดอกเบี้ยของ BoE ใกล้แตะระดับสูงสุดของวัฏจักรปัจจุบันแล้ว
ด้านราคาน้ำมันในตลาดโลกยังคงเพิ่มขึ้น โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นกว่า 1% ทะลุระดับ 91 ดอลลาร์ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันตึงตัว สูงสุดในรอบ 10 เดือน
ทั้งนี้ ราคาน้ำมัน WTI พุ่งขึ้นติดต่อกัน 3 สัปดาห์ แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2565 และมีแนวโน้มทำสถิติทะยานขึ้นมากที่สุดเมื่อเทียบรายไตรมาสนับตั้งแต่ที่รัสเซียส่งกำลังทหารโจมตียูเครนในไตรมาส 1 ของปี 2565