ดาวโจนส์ติดลบกว่า 40 จุดกังวลมูดี้ส์หั่นเครดิตสหรัฐ

NEW YORK CITY - September 3: Charging Bull sculpture with people on September 3, 2015 in New York City. The sculpture is both a popular tourist destination, as well as "one of the most iconic images of New York".


.มูดี้ส์ลดแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐสู่ “เชิงลบ”

.ตลาดหุ้นกังวล มีแรงเทขาย ทำให้ดัชนียืนใรแดนลบตั้งแต่เปิดตลาด

.นักลงทุนจับตารัฐบาลสหรัฐอาจเผชิญการปิดหน่วยงาน หรือชัตดาวน์

เมื่อเวลาประมาณ 22.15 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ระดับ 34,241.28 จุด ลดลง
41.82 จุดหรือ–0.12% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เคลื่อนไหวที่ 4,394.31จุด ลดลง20.93หรือ–0.47% ขณะที่ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส อยู่ที่13,716.54 จุด ลดลง 81.57จุดหรือ–0.59%

นักลงทุนเทขายหุ้น จากผลกระทบที่มูดี้ส์ประกาศปรับลดแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯ โดยมูดี้ส์ประกาศปรับลดแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐสู่ “เชิงลบ” จาก “มีเสถียรภาพ” ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการขาดดุลการคลังในระดับสูง

ตลาดยังถูกกดดันจากการที่สหรัฐอาจเผชิญการปิดหน่วยงานของรัฐบาล หรือชัตดาวน์ในสัปดาห์นี้ หากพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันไม่สามารถเจรจาแก้ไขความขัดแย้งเพื่อให้มีการจัดทำงบประมาณระยะยาวภายในวันศุกร์ที่ 17 พ.ย. สหรัฐก็จะเผชิญการชัตดาวน์หน

นอกจากนั้น นักลงทุนจับตาการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ประจำเดือนต.ค.ในวันพรุ่งนี้

ทั้งนี้ ผลการสำรวจนักวิเคราะห์คาดว่า ดัชนี CPI ทั่วไป (Headline CPI) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 3.3% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 3.7% ในเดือนก.ย. และเมื่อเทียบรายเดือน คาดว่าดัชนี CPI ทั่วไป ปรับตัวขึ้น 0.1% ในเดือนต.ค. จากระดับ 0.4% ในเดือนก.ย.

นายปีเตอร์ ออพเพนไฮเมอร์ นักวิเคราะห์จากโกลด์แมน แซคส์ ระบุว่า เงินเฟ้อของสหรัฐมีแนวโน้มผ่านจุดสูงสุดแล้ว แต่ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทยังคงมีช่วงขาขึ้นที่จำกัด

“มีทั้งข่าวดีและข่าวร้ายสำหรับนักลงทุนขณะใกล้สิ้นปี ข่าวดีก็คือ เงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยดูเหมือนผ่านจุดสูงสุดแล้ว และนักเศรษฐศาสตร์ของเรายังคงคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะชะลอตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป หรือซอฟต์แลนดิ้ง ซึ่งปัจจัยดังกล่าวถือว่าเป็นเรื่องดีสำหรับตลาดหุ้น โดยช่วยลดความเสี่ยงในช่วงขาลงสำหรับนักลงทุน”

“อย่างไรก็ดี คาดว่ากำไรของบริษัทจดทะเบียนจะมีการขยายตัวเพียงเล็กน้อยไปจนถึงปี 2567