

.มูดี้ส์ลดแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐสู่ “เชิงลบ”
.ตลาดหุ้นกังวล มีแรงเทขาย ทำให้ดัชนียืนใรแดนลบตั้งแต่เปิดตลาด
.นักลงทุนจับตารัฐบาลสหรัฐอาจเผชิญการปิดหน่วยงาน หรือชัตดาวน์
เมื่อเวลาประมาณ 22.15 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ระดับ 34,241.28 จุด ลดลง
41.82 จุดหรือ–0.12% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เคลื่อนไหวที่ 4,394.31จุด ลดลง20.93หรือ–0.47% ขณะที่ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส อยู่ที่13,716.54 จุด ลดลง 81.57จุดหรือ–0.59%
นักลงทุนเทขายหุ้น จากผลกระทบที่มูดี้ส์ประกาศปรับลดแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯ โดยมูดี้ส์ประกาศปรับลดแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐสู่ “เชิงลบ” จาก “มีเสถียรภาพ” ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการขาดดุลการคลังในระดับสูง
ตลาดยังถูกกดดันจากการที่สหรัฐอาจเผชิญการปิดหน่วยงานของรัฐบาล หรือชัตดาวน์ในสัปดาห์นี้ หากพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันไม่สามารถเจรจาแก้ไขความขัดแย้งเพื่อให้มีการจัดทำงบประมาณระยะยาวภายในวันศุกร์ที่ 17 พ.ย. สหรัฐก็จะเผชิญการชัตดาวน์หน
นอกจากนั้น นักลงทุนจับตาการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ประจำเดือนต.ค.ในวันพรุ่งนี้
ทั้งนี้ ผลการสำรวจนักวิเคราะห์คาดว่า ดัชนี CPI ทั่วไป (Headline CPI) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 3.3% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 3.7% ในเดือนก.ย. และเมื่อเทียบรายเดือน คาดว่าดัชนี CPI ทั่วไป ปรับตัวขึ้น 0.1% ในเดือนต.ค. จากระดับ 0.4% ในเดือนก.ย.
นายปีเตอร์ ออพเพนไฮเมอร์ นักวิเคราะห์จากโกลด์แมน แซคส์ ระบุว่า เงินเฟ้อของสหรัฐมีแนวโน้มผ่านจุดสูงสุดแล้ว แต่ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทยังคงมีช่วงขาขึ้นที่จำกัด
“มีทั้งข่าวดีและข่าวร้ายสำหรับนักลงทุนขณะใกล้สิ้นปี ข่าวดีก็คือ เงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยดูเหมือนผ่านจุดสูงสุดแล้ว และนักเศรษฐศาสตร์ของเรายังคงคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะชะลอตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป หรือซอฟต์แลนดิ้ง ซึ่งปัจจัยดังกล่าวถือว่าเป็นเรื่องดีสำหรับตลาดหุ้น โดยช่วยลดความเสี่ยงในช่วงขาลงสำหรับนักลงทุน”
“อย่างไรก็ดี คาดว่ากำไรของบริษัทจดทะเบียนจะมีการขยายตัวเพียงเล็กน้อยไปจนถึงปี 2567